ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 17-05-2022, 12:59
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,766
ได้ให้อนุโมทนา: 268,848
ได้รับอนุโมทนา 838,059 ครั้ง ใน 12,778 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : ตามที่ผมได้ศึกษาปริยัติ และคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อเล็ก และได้ทำสมาธิเจริญสมถะ และวิปัสสนา จากประสบการณ์ของผมการทำสมาธิและเจริญวิปัสสนา
ตอนแรกเราก็ทำสมาธิเช่นอานาปานสติ เพื่อสร้างสติ การที่เรามี สติ คือการรู้ตัวว่าเราตอนนี้กำลังคิดอะไร ตอนนี้อารมณ์ใดเกิดขึ้นอยู่ในจิต อารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในจิตเรียกว่าธรรมารมณ์ หรือในด้านอภิธรรมและปรมัตถธรรม จะเรียกว่าเจตสิก คืออารมณ์ของจิต พอเราทำสมาธิไปนาน ๆ เราจะมีมหาสติ คือ เป็นคนไม่เผลอ รู้ตัวตลอดเวลา พอจิตมีมหาสติ เราก็รู้เท่าทันธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิต ทั้งฝ่ายกุศล หรืออกุศล คือรู้ตัวว่าตอนนี้เรากำลังคิดในด้านดีหรือชั่ว หรือภาษาพระเรียกว่ากุศลธรรม และอกุศลธรรม กุศลธรรมก็เช่น คิดอยากตอบแทนพระคุณของพระรัตนตรัย มีความรู้สึกเกรงกลัวต่อบาปที่กำลังคิด ซึ่งก็คือหิริ และโอตตัปปะ อกุศลธรรมก็เช่น คิดจะเบียดเบียนคนอื่น มีอารมณ์โกรธ อาฆาต เป็นต้น

พอจิตมีสมาธิดีเช่นจิตทรงฌาน จิตก็มีมหาสติ พอจิตมีมหาสติ จิตก็มีปัญญามากรู้เท่าทันอารมณ์ต่าง ๆ ว่าอารมณ์ใดเป็นอารมณ์กุศล อารมณ์ใดเป็นอกุศล และจิตก็มีความเร็วกว่าเจตสิก คือจิตเร็วกว่าอารมณ์กุศล และอารมณ์อกุศล พอมาถึง ณ จุด ๆ นี้ จิตก็พอใจอยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว คืออยู่กับอานาปานสติ เพราะเห็นประโยชน์ของความสุขเฉพาะหน้า คือสุขอยู่กับปัจจุบัน เพราะถ้าจิตไม่อยู่กับอานาปานสติ อีกสักพักมันก็ฟุ้งซ่าน และพอมาถึงตอนนี้ จิตก็มีมหาสติ มีสมาธิ มีปัญญามาก และธรรมดาของจิตก็มีอารมณ์คิดเป็นธรรมดา แต่จะคิดเฉพาะหน้า คิดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ อะไรที่เป็นโทษก็ไม่ไปยุ่งกับมัน เพราะถ้าไปยุ่งกับมัน เช่นไปคิดปรุงแต่งในด้านของอารมณ์อกุศลธรรม เช่นคิดอยากโกรธ อยากจะด่า อยากจะเบียดเบียนคนอื่น อารมณ์เหล่านี้ก็เหมือนกับไฟ พอไปโดนมันก็ร้องจ๊าก อันนี้ผมเปรียบเทียบให้ผมฟังนะครับ สรุปง่าย ๆ ทำสมาธิให้ดี สติก็มากขึ้นคือรู้ตัวมากขึ้น และพอเรารู้ตัวว่าอารมณ์ไหนที่เป็นกิเลสเข้ามาแล้ว ก็ต้องหยุดคิด หรือถ้าจิตไวจริง ๆ ก็สามารถไม่รับเข้ามาได้เลย และการที่จะทำให้จิตไว ต้องเริ่มจากการมีสมาธิที่ดีก่อน พอสมาธิดีแล้ว ก็เจริญวิปัสสนา เอาตัวปัญญาใช้หาเหตุหาผล เห็นโทษของอกุศลธรรม หรืออารมณ์ชั่ว ๆ ที่จะทำให้จิตเราเศร้าหมองเป็นต้น พอเราเห็นชัดเจน เราก็ไม่ยุ่งกับมัน สมมุติอารมณ์กิเลสเกิดขึ้น และเรารู้ตัว เราก็ไม่ไปคิดไปปรุงแต่งต่อ อารมณ์พวกนี้มันก็หายไป และในการใช้ชีวิตจริงผมก็มีสติรู้ตัวมากขึ้น สมมุติผมอยู่กับเพื่อนก็ต้องมีการกระทบ ทำให้เกิดอารมณ์โกรธ แต่พอผมรู้ทันผมก็ทำแบบหลวงพ่อสอน เอาจิตจับอานาปานสติตลอดเสมอ ๆ

เรื่องที่ผมเล่ามาจากที่ได้ศึกษาและได้ทำสมถะเจริญวิปัสสนาตามความเข้าใจของผม อยากให้หลวงพ่อยืนยันว่าผมเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ถูกอยากให้หลวงพ่อชี้แนะแก้ไขครับ
ตอบ : ถูกในตอนนี้

ถาม : ถ้าร่างกายเราเจ็บป่วยหนัก ๆ ไม่สามารถทำสมาธิได้ แต่ตัวปัญญาเห็นชัดเลยว่า ไม่อยากเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหม เพราะมีแต่ทุกข์ มีแต่ความลำบาก พูดง่าย ๆ ไม่อยากเกิดอยู่ในวัฏสงสาร อยากไปแดนพระนิพพานจุดเดียว ถ้าตายแบบนี้จะไปแดนพระนิพพานได้ไหมครับ ต่อให้ตอนนั้นไม่มีสมาธิ ?
ตอบ : ถ้าเห็นตามนั้นจริง ๆ จิตจะเป็นสมาธิเอง

ถาม : ผมเคยอ่านเจอที่หลวงพ่อบอกประมาณว่า การที่พวกเราปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องแปลก และในฐานะที่หลวงพ่อก็เคยเป็นพระโพธิสัตว์ สร้างบารมีมามาก และได้เจอพระโพธิสัตว์จริง ๆ มามากเช่น หลวงพ่อวัดท่าซุง คำถามคือ เราจะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่าตัวเราปรารถนาพุทธภูมิจริง ๆ ไม่ใช่ปรารถนาพุทธภูมิเพราะโลกธรรม ๘ พูดง่าย ๆ ปรารถนาพุทธภูมิเพื่ออยากให้คนอื่นชมว่าเราดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ เห็นเราเป็นผู้ประเสริฐเป็นต้น ?
ตอบ : คนปรารถนาจริงจะรีบทำโดยไม่เสียเวลามาถามอยู่แบบนี้..!

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2022 เมื่อ 04:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา