พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานนี้อาตมาไปงานพุทธาภิเษกกัณหาชาลีที่วัดสี่แยกเจริญพร เมื่อกราบขอบารมีพระ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์เสร็จแล้ว ก็ระลึกถึงกัณหากับชาลีสองพี่น้อง ปรากฏว่าท่านไปพระนิพพานหมดแล้ว กัณหาก็คือพระอุบลวรรณาเถรี ชาลีคือพระราหุล ท่านบอกว่าถ้านึกถึงกัณหาชาลีจะได้แค่เมตตามหานิยม แต่ถ้านึกถึงองค์ท่านได้เยอะกว่านั้น พวกเราเลือกเอาเองก็แล้วกัน
คราวนี้ท่านอาจารย์เทพเขาให้มา ๑๐๐ องค์ บอกว่า “บูชาองค์ละ ๓๐๐ บาทนะอาจารย์” อาตมาตอบว่า “เออ...กูจะเอาไปให้เขาบูชาองค์ละ ๑๐๐ บาท..!” วัตถุมงคลอยู่ที่น้องเล็ก ไม่รู้ว่ายังเหลือหรือเปล่า ?
ก็เพิ่งจะรู้ว่าท่านไปพระนิพพานกันหมดแล้ว ด้วยความที่คิดว่าพระเวสสันดรเป็นพระโพธิสัตว์ คิดว่าลูกสาวลูกชายก็น่าจะอยู่ในลักษณะพระโพธิสัตว์ สร้างบุญบารมีกันต่อ ที่ไหนได้ท่านไปพระนิพพานกันเกลี้ยงแล้ว
ก็ต้องบอกว่านาน ๆ ทีจะเจอแบบนี้ ท่านอาจารย์เทพเขามีแนวความคิดที่ดี ปกติแล้วเราก็เห็นเขาสร้างแม้กระทั่งชูชก สร้างกุมารทอง ฯลฯ กัณหาชาลีสองพี่น้องรักกันจะตาย แล้วทำไมเราไม่สร้างกัณหาชาลีแทนกุมารทองรักยมไปเลย ดีเหมือนกัน...เอ็งมานอกคอก ข้าเองกว่าจะหาท่านเจอว่าเป็นใครก็แทบตาย เพราะว่าส่วนใหญ่ถ้าหากว่าสร้างใครก็ควรที่จะให้ต้นตำรับท่านมาเสกเอง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2018 เมื่อ 02:54
|