ในส่วนของการฝึกกรรมฐานต่าง ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุงถึงได้บอกหนักหนาว่า "ถ้าครูฝึกไม่มีความคล่องตัวในเจโตปริยญาณ อาจจะพาลูกศิษย์ให้เสียได้"
เมื่อกระผม/อาตมภาพมาเป็นพระวิปัสสนาจารย์ ในการนำนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเป็นที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี (วัดไร่ขิง) หรือว่าวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ถึงได้มีแต่คนเรียกร้องว่า "ถ้าพระวิปัสสนาจารย์ในช่วงปฏิบัติธรรมประจำปี ต้องเป็นหลวงพ่อเล็กเท่านั้น"
เหตุที่เรียกร้องก็ไม่ใช่อะไร เพราะว่ากระผม/อาตมภาพให้กรรมฐานที่พอเหมาะพอดีกับกำลังใจของพวกเขา ขณะที่คนอื่นส่วนใหญ่แล้วเครียดเกินไป มากเกินไป ไม่รู้ความต้องการของลูกศิษย์ จึงเป็นเหตุให้โดนต่อต้านอยู่เสมอ
ดังนั้น...ถ้าหากว่าพระใหม่ของเราที่ฝึกปฏิบัติธรรมอยู่กลับมา ถ้าทุกคนเห็นท่านเงียบ ๆ อยู่ ขอให้รู้ว่าท่านกำลังรักษากำลังใจที่ทำได้ อย่าพยายามไปก่อกวนหรือชวนคุย อย่างน้อย ๆ ให้เขารักษากำลังใจได้สัก ๓ วัน ๕ วันก็ยังดี
บุคคลที่เคยได้รับความสงบทางใจแล้ว เหมือนกับคนที่เคยกินอาหารอร่อยระดับเชลล์ชวนชิม ในเมื่อไม่สามารถจะหากินได้อีก ก็ต้องตะเกียกตะกายทำกินเอง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็จะปฏิบัติธรรมแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น ไม่ต้องบังคับก็ทำเอง จึงเป็นเรื่องที่พวกเราต้องระมัดระวังว่า บางทีเห็นท่านเงียบ ๆ อยู่แล้วไปชวนคุย บางทีอาจจะพาท่านเสียเลยก็ได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-07-2022 เมื่อ 02:25
|