ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 28-01-2009, 21:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,592
ได้ให้อนุโมทนา: 151,767
ได้รับอนุโมทนา 4,411,871 ครั้ง ใน 34,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมคนหนึ่ง บอกพระอาจารย์ว่าไม่มีเวลา พระอาจารย์สวนกลับทันทีว่า..ไม่มีเวลาไม่ได้ เป็นพ่อเป็นแม่คนจะมาอ้างคำนี้ไม่ได้ ไม่มีก็ต้องรับผิดชอบทำให้มีให้ได้

แล้วพระอาจารย์พูดถึงการเลี้ยงลูกสมัยก่อนว่า พ่อแม่สมัยก่อนเลี้ยงลูกเป็นสิบคนยังเลี้ยงให้ดีได้ พ่อแม่สมัยนี้มีลูกแค่คนสองคนยังเลี้ยงให้ดีไม่ได้ นางมารร้ายจึงบอกว่าสังคมมันเปลี่ยนไปนี่คะ สมัยพระอาจารย์ยังเด็กมันมีอบายมุขสิ่งยั่วยุอยู่ไม่เท่าไหร่ แม่ของนางมารร้ายบอกว่าคลับบาร์ก็มีอยู่ไม่กี่แห่ง ทางจะชวนกันเสื่อมเสียมันไม่ค่อยจะมี

พระอาจารย์จึงบอกว่า ก็แล้วสิ่งเหล่านี้มันมาจากไหนละ มันก็มาจากผู้ใหญ่เห็นแก่ได้ ช่วยกันสร้างสิ่งยั่วยุเหล่านี้ขึ้นมา แล้วก็จะมาเรียกร้องให้เด็กเป็นเด็กดี

พระอาจารย์ยังเป็นห่วงแม่พลอยเลยค่ะ บอกว่าสังคมญี่ปุ่นทำให้น่าเป็นห่วงเด็กมากกว่าในไทยอีกค่ะ เพราะสังคมของเขาผู้หญิงไล่จีบผู้ชาย เพื่อนนางมารร้าย(ผู้ชาย)ไปญี่ปุ่นมาบอกว่า เด็กญี่ปุ่นอายุ ๑๒ ก็เสียหมดแล้ว..นี่ให้เยอะแล้วนะ..(มันพูดพร้อมกับส่ายหน้า)

พระอาจารย์เคยบอกว่า คนส่วนใหญ่ชอบเลี้ยงลูกตามอารมณ์ เช่นพอลูกทำผิดแต่ตัวเองอารมณ์ดีก็จะไม่ตีลูก แต่พอลูกทำผิดเหมือนเดิมขณะตัวเองอารมณ์ไม่ดี..ก็ตีกระหน่ำซ้ำของเก่าบวกเข้าไปอีก อย่างนี้ทำให้เด็กไม่เข้าใจและสับสน..เขาจะคิดว่าผู้ใหญ่ไม่ยุติธรรมกับเขา..ทำให้เขาไม่เชื่อถือผู้ใหญ่. .กลายเป็นเด็กดื้อด้านไปในที่สุด พระอาจารย์บอกว่าที่ถูกต้องควรเลี้ยงลูกตามเหตุผล

ในเด็กเล็ก ๆ นี่.. ผิดครั้งที่หนึ่งว่ากล่าวตักเตือนให้เขารู้ว่าสิ่งนั้นมันไม่ได้ ครั้งที่สองบอกให้รู้ตัวว่าเขาทำผิดซ้ำนะ..และคาดโทษ ไว้ ครั้งที่สามเป็นต้นไปก็บอกเขาว่าเขาต้องโดนตีแล้ว แล้วเด็กจะเข้าใจ เด็กเล็ก ๆ สามารถเข้าใจเหตุผลได้แต่เขาเป็นคนความจำสั้้น เราก็ต้องเอาใจใส่ขยันตีขยันเตือน เป็นพ่อแม่ขี้เกียจไม่ได้

ส่วนเด็กที่โตรู้ความแล้วอย่างเด็กที่วัดท่าขนุน พระอาจารย์จัดการโดยวิธีการตกลงกันก่อนแล้วว่าอะไรบ้างคือสิ่งที่ผิดห้ามทำ แล้วคาดโทษไว้ว่าถ้าทำผิดในเรื่องเหล่านี้ ครั้งที่หนึ่งจะโดนตีหนึ่งครั้ง ครั้งที่สองสองครั้ง..เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่เห็นหรือรู้แต่ไม่มีพยานมายืนยันก็จะยกให้ฟรี

เด็ก ๆ ก็รับกันได้ ถึงเวลาโดนตีพระอาจารย์ก็เรียกมากล่าวโทษพร้อมพยานหลักฐาน..และให้เวลาไปเตรียมตัวใส่กางเกงตัวหนาที่สุดมา จากนั้นก็ใช้สายไฟอ้วนประมาณนิ้วก้อยฟาดน่อง ฟาดแรงขนาดป้าติ๋มนั่งดูน้ำตาไหล แม่ชีเคยโดนไปทีเดียวนอนพลิกตัวไม่ได้ไปเป็นอาทิตย์ เพราะตีทีเดียวได้สองแผลข้างละแผล แต่เด็กบางคนโดนตีถึงสิบสามทีก็มี

ช่วงที่พระอาจารย์ไม่อยู่วัด กลับไปอีกทีเด็กวัดหายเกลี้ยง สอบถามได้ความว่ากลัวอาจารย์พงษ์ เพราะพอเด็กทำผิดท่านเล่นเมตตาให้อภัยไปเรื่อย..จนทนไม่ไหวก็จะเรียกมาตีรวบยอดเอาหนัก ๆ..เด็กเลยรับไม่ได้้ หนีหายหมด อาจารย์พงษ์ว่าเด็กมันด้านไม้เรียว แต่พระอาจารย์ว่าถ้าตีให้ถูกวิธีนี่ไม่มีด้านไม้เรียวหรอก


ในช่วงวัยรุ่น พ่อแม่ยิ่งต้องใจเย็นและเป็นเพื่อนลูกได้ พระอาจารย์บอกว่าถ้าพ่อแม่ทำตัวเป็นเพื่อนลูกได้ ถึงเวลามีปัญหาเขาจะมาปรึกษาเรา แต่ถ้าเราคอยจะดุด่าซ้ำเติมรับเรื่องของเขาไม่ได้ เขาจะไปปรึกษาเพื่อนซึ่งความคิดอ่านก็อ่อนหัดพอกันก็ จะมีแต่เจ๊งกับเจ๊งค่ะ เราต้องทำใจว่าลูกนี่เราเลี้ยงได้แต่ตัว ถึงเวลาเขาเลือกทางไหนชอบทางไหนก็เป็นเพื่อนคู่คิดประคับประคองให้เขาไปในทางที่เขาเลือกให้ให้ถึงฝั่งอย่างดีที่สุดค่ะ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-02-2011 เมื่อ 20:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา