ชื่อกระทู้: เกาะพระฤๅษี
ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 15-08-2009, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,632 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ศาลาใหญ่หลังนี้ความจริงไม่ได้คิดจะทำ แรก ๆ การจัดอบรมความรู้ต่าง ๆ ของทางด้านหน่วยป่าไม้นั้น ใช้หอฉันเป็นที่จัด ถ้าหากคนอยู่ในราว ๆ ๔๐ คน จะพอดี ปรากฏว่าพอจัดแล้วมีผลดี ทางกรมป่าไม้ในยุคนั้นจึงได้เพิ่มงบประมาณมาให้อีก ก็จัดอยู่ในระดับ ๖๐-๘๐ คน ต้องย้ายขึ้นไปบนศาลา พองบประมาณมาถึงระดับ ๑๐๐-๑๒๐ คน ศาลาไม่พอใช้แล้ว เพราะว่าต้องทิ้งพื้นที่ให้วิทยากรและบรรดาคณะนันทนาการต่าง ๆ ได้ใช้พื้นที่ด้วย เมื่อเป็นดังนั้นอาตมาจึงไปสร้างหอประชุมกาญจนาภิเษกอยู่ด้านนอก เมื่อสร้างแล้วจึงเห็นว่าจะใช้ประโยชน์ได้น้อย จึงเอาห้องพักใส่เข้าไปด้วย ๑๒ ห้อง ใช้เป็นที่พักที่อบรมด้วยกันอยู่หลายปี

พอมาประมาณปลายปี ๒๕๔๙ หัวหน้าประเดิมชัยมาบอกว่า "พื้นที่มันไม่พอใช้แล้วครับ" ก็บอกว่าความจริงอาตมาอยากได้ศาลาใหญ่สักหลังหนึ่งเหมือนกัน เพราะว่าเวลาญาติโยมมาทำบุญกฐิน รู้สึกว่าพื้นที่หอประชุมกาญจนาภิเษกคับแคบไป ตั้งใจจะขอพื้นที่ซึ่งมีลักษณะเป็นคุ้ง ก็คือเกือบ ๆ จะเป็นเกาะ มีส่วนที่เชื่อมกันอยู่ประมาณ ๑ เมตรเท่านั้น นอกนั้นน้ำล้อมรอบหมด ตั้งใจว่าจะสร้างตรงนั้น

หัวหน้าท่านบอกว่า "การทำอะไรในส่วนที่เป็นเกาะ รถที่ขนวัสดุมันจะเข้ายาก ทำไมไม่ทำริมถนนเล่าครับ" ก็ถามว่า "ริมถนนตรงไหนละ" หัวหน้าท่านก็ชี้มาด้านนี้ อาตมาบอกว่า "เฮ้ย ไม่ได้ ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า ขืนไปแตะก็ติดคุกหัวโต" หัวหน้าท่านบอกว่า "ไม่ใช่ครับ ป่าเฉลิมพระเกียรติมันอยู่ตรงนี้" มันเหลือที่ให้หน่อยเดียว อาตมาก็เลยใช้เวลาประมาณ ๖ เดือนสร้างศาลาหลังนี้ขึ้นมา

อย่างว่าสร้างเสร็จได้ ๒ วันก็ต้องไปอยู่ที่ท่าขนุน ดังนั้นที่มาที่ไปของศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษีหรือสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีนั้น ก็มีความเป็นไปจากที่ว่าอาตมาเหนื่อยจากงานวัดท่าซุง ตั้งใจจะมาพักผ่อน ปรากฏว่าได้พัก ๒ วันเท่านั้น เมื่อได้พัก ๒ วัน ก็มาสร้างเท่าที่เห็น ถือว่าเป็น ๑ ใน ๗ วัดที่ตนเองได้สร้างไป

ทำให้คนได้เห็นว่าลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใดก็ตามก็จะเป็นที่พึ่งของชาวบ้านตลอดจนภิกษุสามเณรในที่นั้น และขึ้นชื่อว่าลูกศิษย์หลวงพ่อถ้าจะทำอะไร จะทำได้เสมอ เพราะส่วนใหญ่แล้วหลวงพ่อท่านอบรมว่า อย่าคิดว่าเป็นงานของเรา ให้คิดอยู่เสมอว่าเป็นงานของพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าพระท่านบอกให้ทำอะไรแล้วเราทำตามนั้น ทุกอย่างจะสะดวกและคล่องตัว ถ้าสิ่งไหนท่านไม่ได้สั่งอย่าทำ อาตมาถือตามคำสั่งนี้มาตลอด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-08-2009 เมื่อ 21:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 108 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา