เพราะว่าคนเราต้องใฝ่ดี ปรารถนาดี ถึงจะเข้ามาบวชแบบจริงจัง บวชแบบจะหวังเอาความดีใส่ตัว ก็ย่อมต้องแสวงหาสถานที่ซึ่งคิดว่าสามารถทำให้ตนเอาดีได้อย่างที่หวัง
ทุกวันนี้พระเถระในกรุงเทพฯ พอได้ยินว่าวัดท่าขนุนมีพระอยู่ ๓๐-๔๐ รูป ส่วนใหญ่ตกใจกันทั้งนั้น เพราะว่าต่างจังหวัดไกล ๆ โดยเฉพาะติดชายแดนพม่าอย่างของพวกเรา ส่วนใหญ่ออกพรรษาแล้วก็เหลือแค่เจ้าอาวาสรูปเดียว หรือไม่ก็เหลือแค่เจ้าอาวาสอยู่กับสามเณรอีกหนึ่งรูป หรือบางทีก็หนักกว่านั้นอีก เป็นเจ้าคณะตำบลแต่ว่าอยู่แค่รูปเดียว ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ปกครองวัดอย่างน้อยก็ ๕ วัดในเขตนั้น แต่หาคนอยู่ด้วยไม่ได้ ทองผาภูมิของเราเคยมีมาแล้ว..!
ในเมื่อเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ การที่เราเข้มงวดกับตัวเองนั้น จะช่วยให้เราสามารถกอบโกยความดีใส่ตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ซึ่งเป็นสิ่งที่พระใหม่ทั้งหมดจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบทำเอาไว้ เพราะว่าถ้างานมาถึงเมื่อไร ถ้ากำลังใจของเรายังไม่มั่นคง โอกาสที่จะพังกลางคันมีสูงมาก แต่ถ้าหากว่ากำลังใจของเรามั่นคงแล้ว งานหนักแค่ไหนก็สู้ได้ แล้วก็อย่าไปอ้างว่า วัดโน้นไม่เห็นโหดอย่างนี้ วัดนี้ไม่เห็นเข้มงวดอย่างนั้น ถ้าคุณเจอประสบการณ์เดียวกับกระผม/อาตมภาพแล้วถึงจะซาบซึ้ง
ก็คือเมื่อพระวัดหนึ่งเดินบิณฑบาตผ่านมา โยมที่อุ้มขันข้าวอยู่รีบหันหลังให้ รอจนกระผม/อาตมภาพเดินไป ถึงหันกลับมาใส่บาตร ถ้าเป็นไปในลักษณะอย่างนั้น ต้องบอกว่าอับอายขายหน้าไป ๓ โลก..! ทำอย่างไรโยมถึงไม่ยอมใส่บาตรให้ฉัน ? อย่าไปคิดว่าสมัยนี้สามารถใช้แอพฯ สั่งอาหารได้ ไอ้นั่นมักง่าย..!
พระพุทธเจ้าท่านให้พระอุปัชฌาย์อาจารย์หรือว่าพระคู่สวดบอกตั้งแต่วันบวชว่า ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตอย่างหนึ่งคือการเที่ยวบิณฑบาต ไม่ได้บอกให้ไปซื้อกิน ก็สำคัญอยู่ที่ว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์จะสอน จะสั่ง จะเข้มงวดกับพวกเราหรือเปล่า ?
แล้วขณะเดียวกัน พวกเราคิดจะเอาดีหรือไม่ ? ถ้าไม่เอาดี ต่อให้พระอุปัชฌาย์อาจารย์ปากเปียกปากแฉะ พูดจนปากฉีกถึงหู ก็เอาดีไม่ได้ เพราะไม่คิดที่จะทำอยู่แล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2022 เมื่อ 03:07
|