กระผม/อาตมภาพเองไม่เคยคิดเลยว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจะอยู่ได้ถึงพรุ่งนี้ จึงได้ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติ ชนิดหัวไม่วางหางไม่เว้น อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า อย่างเก่งก็นอนคืนละ ๒ ชั่วโมง ถ้าเสียดายเวลาปฏิบัติธรรม บางทีก็ไม่นอนเลย
ถ้าดินฟ้าอากาศผิดปกติ ฟ้าฝนคะนอง กระผม/อาตมภาพจะลุกขึ้นนั่งกรรมฐานดูทันทีว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไปหรือยัง ? กระผม/อาตมภาพจึงเป็นคนเดียวที่ยืนยันว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง มรณภาพวันที่ ๒๘ ตุลาคม ไม่ใช่ ๓๐ ตุลาคมอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน
เหมือนกับรถที่เครื่องยนต์ดับ ก็คือดับตั้งแต่วันที่ ๒๘ ตุลาคม แต่แรงเฉื่อยที่รถวิ่งมาด้วยความเร็ว ก็ทำให้รถสามารถไหลไปได้อีกระยะหนึ่ง หมอถึงได้ประกาศว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมรณภาพวันที่ ๓๐ ตุลาคม
แต่เรื่องนี้ไม่ต้องเสียเวลาไปเถียงกัน เพราะว่าผลก็เหมือนกัน คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมรณภาพไปแล้ว โดยที่ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ยังเอาดีไม่ได้ เพราะว่าประมาท ตรงนี้จึงขอตักเตือนท่านทั้งหลายว่า ถ้ายังประมาทกันอยู่อีก พวกเราก็จะเอาดีไม่ได้เหมือนกัน
แต่คราวนี้การ "เอาดี" ไม่ใช่การ "อยากดี" กระผม/อาตมภาพเห็นพระภิกษุสามเณรสมัยนี้แล้วบางทีก็ถอนใจ เพิ่งจะบวชเท่านั้นก็ตั้งตัวเป็นอาจารย์ขลังแล้ว..!
สมัยที่กระผมอาตมภาพบวชใหม่ ๆ ได้ทำหน้าที่ต้อนรับพระอาคันตุกะอยู่ที่วัดท่าซุง ต้องประจำอยู่ที่ศาลานวราชบพิตร ปรากฏว่ามีพระอาคันตุกะแบกกลด สะพายบาตร จีวรลากพื้นไปครึ่งผืน มาขอที่พัก กระผม/อาตมภาพบอกว่า "คุณ...ห่มผ้าให้ดีเสียก่อน" ท่านบอกว่า "รบกวนหลวงพี่ห่มให้ผมหน่อยครับ ผมเพิ่งจะบวชวันนี้ บวชเสร็จออกจากโบสถ์มา ผมก็ธุดงค์เลย..!"
ไอ้พวกกลัวว่าประวัติจะไม่สวย..! โดยที่ไม่รู้ว่าการที่ตนเองบวชแล้ว อยากให้ประวัติสวย รีบออกธุดงค์นั้น ก็คือการแบกอาบัติติดตัวอยู่ทุกวัน เพราะว่ายังเป็นพระใหม่ ไม่ได้นิสัยมุตกะ ยังต้องอยู่ในการดูแลของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ แต่ด้วยความที่ใจร้อน ใจเร็ว เผื่อดังแล้วประวัติจะได้สวย กูก็ออกธุดงค์ตั้งแต่ออกจากโบสถ์เลย ไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่าธุดงค์นั้นคืออะไร ?!!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2022 เมื่อ 02:59
|