“พระปิลินทวัจฉะเป็นพระมหาสาวกที่ได้รับเอตทัคคะทางด้านเป็นที่รักของเทวดา ไปไหนพรหมเทวดาห้อมล้อมกันเป็นร้อยเป็นพัน แต่ท่านอยู่ร่วมกับชาวบ้านเขาไม่ได้ เพราะชาวบ้านเขาว่าท่านพูดจาหยาบคาย ก็คือปกติท่านเรียกคนอื่นว่า “ไอ้ถ่อย” ถึงเวลาก็ “เฮ้ย..ไอ้ถ่อย เป็นอย่างไรบ้าง ?” เกิดจากการที่ท่านเคยเกิดเป็นพราหมณ์ต่อเนื่องมา ๕๐๐ ชาติ อยู่ในตระกูลพราหมณ์ที่ถือว่าสูงที่สุด แม้แต่พระมหากษัตริย์ยังต้องเคารพกราบไหว้ ก็เลยเห็นคนอื่นเป็นคนต่ำไปหมด
หรือก็เหมือนนกุลปิตา นกุลมาตา สองท่านเมื่อเจอพระพุทธเจ้า ตรงเข้าไปกอดเลย ถามว่า “ลูกไปไหนมา หายไปนานขนาดนี้ ?” ท่านเคยเกิดเป็นพ่อแม่ของพระพุทธเจ้าต่อเนื่องมา ๕๐๐ ชาติ คนอื่นเขาตกอกตกใจ พระพุทธเจ้าท่านเห็นเป็นเรื่องปกติ”
ถาม : ทำไมท่านถึงไม่ได้เป็นพุทธมารดาคะ ?
ตอบ : ชาติสุดท้ายต้องสร้างบารมีมาเกิดเป็นพุทธมารดาโดยเฉพาะ ถ้าสร้างไม่ถึงก็เป็นไม่ได้ พระพุทธมารดาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก นอกจากมีเบญจกัลยาณีแล้วยังต้องประกอบไปด้วยอิตถีลักษณะที่งามสมบูรณ์อีก ๖๔ อย่าง ไม่สูงเกิน ไม่ต่ำเกิน ไม่อ้วนเกิน ไม่ผอมเกิน ไม่ขาวเกิน ไม่ดำเกิน สารพัดที่จะกำหนด ถามว่าทำไม ? อย่างเช่นว่า ถ้าช่วงตัวยาวเกิน ถึงเวลาพระโพธิสัตว์จะกินนมก็ต้องยืดคอ เดี๋ยวเด็กคอยาว ทำให้เสียพุทธลักษณะไป
ดังนั้น...ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะเกิดเป็นพุทธมารดา ก็ไปเป็นในชาติอื่นแทน นกุลปิตากับนกุลมาตาเป็นฆราวาสที่ได้รับเอตทัคคะทางเป็นผู้คุ้นเคยยิ่งของพระพุทธเจ้า
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 20:00
|