อีกส่วนหนึ่งก็คือพระภิกษุสามเณรของเรา ซึ่งในสมัยก่อนนั้นการสูบบุหรี่มีเป็นปกติ เพราะว่าชาวบ้านไม่ได้ตำหนิติเตียน แถมยังจัดหามาถวายอีกด้วย ถ้าหากว่าหลวงปู่หลวงพ่อนิยมใบจากกับยาเส้น ก็จะช่วยหามาอย่างดี ถ้าหากว่าท่านนิยมบุหรี่ที่มวนสำเร็จแล้ว ก็ไปเสาะหายี่ห้อที่ถูกใจท่านมาถวาย
แม้แต่กระผม/อาตมภาพ ตอนบวชใหม่ ๆ ไม่เกิน ๑๐ พรรษา ไม่ว่าจะไปกิจนิมนต์ที่บ้านใดก็ตาม ก็จะมีญาติโยมแบ่งบุหรี่ซองหนึ่งออกมาเป็นประมาณ ๕ ส่วน ใส่จานรองกาแฟ ก็คือประมาณจานละ ๔ - ๕ มวน แล้วก็ถวายพระไปทีละรูป กระผม/อาตมภาพเองก็จะเจอพระที่นั่งข้างเคียง คว้าไปเทใส่ย่ามตัวเอง โดยให้เหตุผลว่า "ท่านไม่สูบ..ขอผมก็แล้วกัน"
แต่ในเมื่อการสูบบุหรี่ในระยะหลังนี้กลายเป็นที่รังเกียจของผู้คน แม้กระทั่งในสถานที่วัดวาอารามก็กลายเป็นเขตปลอดบุหรี่ ถ้าหากว่าใครสูบบุหรี่ภายในวัด จะมีการปรับเจ้าอาวาส ในฐานะเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ๒,๐๐๐ บาทอีกด้วย..! แล้วลองคิดดูว่าเมื่อปลดล็อคกัญชาแล้ว จะมีพระภิกษุสามเณรสูบกัญชาหรือไม่ ? ก็น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่บรรดาหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสทั้งหลายต้องมาปวดหัวกันต่อไป
ถ้าหากว่าเรายกเอาพระธรรมวินัยขึ้นมา ก็จะเห็นว่า กัญชานั้นไม่ใช่สิ่งที่พระภิกษุสามเณรของเราจะสูบได้ เนื่องเพราะว่าถ้าใช้มหาปเทส ๔ เข้ามาเป็นตัวจับ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้มหาปเทส ๔ ไว้ ในการตีความสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ได้บัญญัติขึ้นในพระธรรมวินัยนี้ เราก็จะเห็นข้อความที่ว่า "สิ่งใดไม่สมควร เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร"
การสูบกัญชานั้นทำให้เสียสุขภาพ ทำให้ประสาทหลอน ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ดังนั้น...จึงไม่ใช่สิ่งที่สมควร เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร ก็แปลว่าพระภิกษุสามเณรของเราไม่สมควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2022 เมื่อ 02:24
|