สิ่งที่หลวงพ่อท่านให้ไปคือคาถาบทหนึ่ง บอกว่าถ้ามั่นใจก็เอาตัวรอดได้ทุกที่ ก็คือ บทบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ
อิติปาระมิตา ติงสา
อิติสัพพัญญู มาคะตา
อิติโพธิ มะนุปปัตโต
อิติปิโส จะเตนะโม
นะโมพุทธายะ
ท่านให้ภาวนาต่อเนื่องกันไปเลย ปรากฏว่าสถานที่ที่เลือกไปนั้นเท่ากับไปหาที่ตาย..! เพราะว่าทันทีที่เดินพ้นบ้านคนซึ่งเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยง ข้ามลำห้วยไป เห็นแล้วใจหาย รอยตีนสัตว์ป่าเป็นเทือกเลย เหมือนอย่างกับเรามองดูรอยวัวควายในคอก..! ก็เลยได้แต่เดินตัวเกร็งไปตลอดทาง ไม่รู้จะรอดหรือไม่รอดกลับมา ยิ่งไปสัตว์ป่าก็ยิ่งมาก ไม่ต้องเห็นตัวหรอก แค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าชุกชุมขนาดไหน..!
ดังนั้น..ตัวเมตตาพรหมวิหารที่ตั้งใจก็เลยไม่เหลือ..ไม่ได้มา เหลืออยู่อย่างเดียวคือ "ตายแน่..! ตายแน่...!" ปรากฏว่ากำลังใจกระโดดข้ามขั้นไปเลย ไม่ได้ตัวเมตตามา แต่ไปได้สังขารุเปกขาญาณเลย ซึ่งปกติแล้วตัวนี้จะได้ยากได้เย็นมาก เพราะว่าต้องปล่อยวางภาระทั้งปวง ชนิดที่เรียกว่าร่างกายนี้ก็ไม่ต้องการจริง ๆ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่กล้าเดินหน้าต่อ..!
นับว่าการออกไปตั้งใจที่จะแสวงหาหลักธรรมที่ตนเองต้องการนั้นไม่ได้มา แต่ไปได้เกินกว่าที่ต้องการ หลังจากนั้นก็พยายามซักซ้อมทบทวนมาตลอด กำลังสมาธิก็ทรงตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ให้นั่งดวลเดี่ยวกับท่านอาจารย์หรรษาทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีปัญหา
ถ้าไม่มีพระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ ศ.ดร. รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี อาจารย์หรรษาจะเป็นศาสตราจารย์ที่หนุ่มที่สุด พอดีมีท่านอาจารย์บุญเลิศอยู่ ท่านอาจารย์หรรษาก็เลยอายุมากกว่าหน่อยหนึ่ง คือท่านขอศาสตราจารย์ตั้งแต่ตอนอายุ ๔๐ แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ เพราะเขาเห็นว่าท่านหนุ่มเกินไป ตอนหลังก็เลยโดนท่านอาจารย์พระมหาบุญเลิศแซงหน้าไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2021 เมื่อ 01:49
|