ดูแบบคำตอบเดียว
  #594  
เก่า 20-08-2020, 23:08
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

เณรเล่นบั้งไฟเล็ก

“... ที่วัดป่าบ้านตาดไม่ค่อยมีเณร ส่วนมากมีชั่วระยะ พอพูดอย่างนี้แล้วก็ระลึกได้ อยู่วัดป่าบ้านตาด มีเณรหนึ่งอยู่นั้น อายุประมาณ ๑๔ ปี รูปร่างมันเล็ก ๆ ไม่ได้โต นอกนั้นมีแต่พระ ทั้งวัดมีเณรองค์เดียว จะไปเล่นกับพระอะไร ๆ ก็ไม่ได้ เดี๋ยวพระจะเขกกบาลเอาสิ พระท่านไม่เล่น ไม่เหมือนเด็ก มันคงจะหิวกระหายอยากเล่น ไปทำอะไรไม่รู้นะ ไปทำบั้งไฟเล็ก ๆ ขโมยทำในวัดในป่า พระไม่รู้สักองค์เดียว เขาไปขโมยทำของเขา เขาคึกคะนองภาษาเด็ก บั้งไฟเล็ก ๆ เหมือนบั้งไฟใหญ่ แต่นี่เขาทำเล็ก ๆ ซี้ด ๆ ๆ ไปจุดชิด ๆ อยู่ในป่า เวลาหลังมานี่เราถึงถามว่าบั้งไฟนี่ทำได้ยังไง ทำไมถึงรู้วิธีทำ เขาบอกว่าตอนที่เขาเป็นเด็ก เขาไปกับพ่อเขาไปทำบั้งไฟอยู่ในวัด พระท่านทำบั้งไฟ ตะไลบ้างอะไรบ้าง ก็ไปดูพ่อทำ เลยได้วิชานี้มาทำ

ทางจงกรมอยู่ลึก ๆ ในป่า เพราะในวัดป่าบ้านตาด แต่ก่อนพระไม่ให้มีมากนะ อยากมากไม่ให้เกิน ๑๘ องค์ อยู่ทางจงกรมในป่าลึก ๆ นู่นล่ะเป็นสถานที่ซุ่มตัวจุดบั้งไฟอยู่ที่นั่นของเณร เรียกว่าไม่มีใครเห็นล่ะ เพราะมันอยู่ลึกจริง ๆ ไม่มีใครเข้าไป พระก็ ๑๗ – ๑๘ องค์ก็พออยู่แล้ว สงัดมากทีเดียว เพราะฉะนั้น ที่นั่นจึงเป็นที่สงัดมากกว่าที่อื่น ๆ แกก็ไปขโมยจุดบั้งไฟอยู่ในป่า

ตอนนั้นประมาณ ๒ ทุ่ม เราออกจากทางจงกรมแล้ว มันดลบันดาลยังไงไม่ทราบ แปลกอยู่นะแล้วก็บึ่งเข้าไปนั่นเลย ซึ่งแต่ก่อนเราก็ไม่เคยไป วันนั้นมาดลบันดาลยังไงไม่รู้นะ ออกจากทางจงกรมบึ่งเข้าไปเลย

พอเดินเข้าไปมืด ๆ พอจวนจะถึงแล้ว มองเห็นบั้งไฟเล็ก ๆ ซี้ด ๆ ๆ จุดเพลินอยู่คนเดียว เณรน้อยจุดบั้งไฟเพลินอยู่คนเดียว ขึ้นจริง ๆ ด้วยนะ เสียงอะไร มันก็ยิ่งให้ขยับสนใจเข้าไป ค่อยต้อนเข้าไป ยังไม่นึกว่าเป็นบั้งไฟนะ เดินเข้าไปที่ไหนได้ เณรน้อยองค์นั้นจุดบั้งไฟขึ้น คนเดียวเลยนะ

พอเราเดินเข้าไปตรงนั้น พอมันจุดนั่นขึ้นแล้ว เตรียมอีกจะจุดอีกมันมีหลายบั้งเหมือนกัน พออยู่ ๆ เราก็โผล่เข้าไปเลย มันมองเห็น โอ๊ย.. ตัวสั่นเลย ก็มองเห็นเสือโคร่งใหญ่ซะด้วยนะ ไม่ใช่ธรรมดา เสือดงเสือดาวก็ไม่เห็น ไปเจอเสือโคร่งใหญ่กำลังเข้ามาเหมือนหนึ่งว่าจะตะครุบเข้าไป

มองดูเห็นบั้งไฟอยู่ ๓ – ๔ บั้ง มันกำลังจะจุดขึ้นอีก เราก็เดินดูนั้นดูนี้ มันมีเสาเล็ก ๆ เสาบั้งไฟน้อยนั่นแหละ แล้วกำลังจะจุดขึ้นอีก พอดีเราโผล่เข้าไป เราก็ไม่ว่าอะไร เหมือนไม่มีอะไร คือมันอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ลิงมันดิ้น ความหมายว่างั้นแหละ ถ้าจะบอกว่าลิงดิ้น พาลิงมาเล่นมันก็ไม่กล้าบอก เหมือนกับเพื่อนแกล่ะ ‘เณรทำอะไร’

แกนั่งตัวสั่น ‘โอ๊ย.. ทำไปอย่างงั้นล่ะ’ พูดเสียงสั่นไปหมดเลย เราเดินดูนั้นดูนี้ แกก็นั่งตัวสั่น

‘ไหนล่ะ..มีอะไรอีกล่ะ’

พอออกไปแล้วเราก็หนีไปเลย บั้งไฟที่ยังอยู่เหลือนั่น ไม่ทราบมันจุดอีกหรือมันปาเข้าป่าก็ไม่รู้ มันหมดขลัง บั้งไฟมีกี่บั้งมันก็ไม่มีขลัง หมดขลังแล้ว ลองตัวสำคัญก็เสือโคร่งใหญ่ซะด้วย ไปเวลาเงียบ ๆ ด้วย

มันโศกเศร้าเหงาหงอย ๓ วัน เราก็ไม่พูดถึงเลย เรายังไม่พูด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บั้งไฟที่มันเอาวางไว้เราก็ไม่เคยถามถึง เพราะโทษเต็มตัวมันอยู่ใน ๓ วันนี้ จนกระทั่งล่วงไปสัก ๔ – ๕ วัน ดูลักษณะท่าทาง สีหน้าสีตามันดีขึ้นค่อยปกติเข้ามา จนกลายเป็นปกติ อารมณ์ที่กลัวเราจากความผิดของตัวเองคงหายไปหมด จากนั้นเราจึงได้เรียกมาสอน ก็อบรมสั่งสอนธรรมดา ไม่มีแสดงอาการอะไร แต่เพื่อให้เป็นไปตามหลักธรรมวินัย เราลงทัณฑกรรม คือตามหลักวินัย ศีลของเณร เณรผิดศีลผิดธรรมยังไง ควรจะปฏิบัติยังไงให้ถูกต้องตามหลักแห่งธรรมวินัย พอแนะนำสั่งสอนเรียบร้อยแล้ว

เราบอกว่าให้พระมากำกับ คือที่ตะวันตกศาลานั้น แต่ก่อนเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นหญ้า ไม่มีอะไรล่ะ เป็นดินธรรมชาติ เลยบอกให้เณรเอาดินในจอมปลวกนั้นมาถมหลุมอันนี้วันละ ๑ ชั่วโมง ไม่เอามาก แล้วให้พระมาคอยกำกับให้เณรไปขุดเอาดินบนจอมปลวกมาเท ใส่บุ้งกี๋มาเท ถม ทำอยู่ ๓ วันก็พอดี แถวนั้นก็เรียบพอดี จากนั้นก็มาสอนอีก อย่าทำอย่างนี้นะ.. ไม่ได้นะ การที่เราไม่รับเณรเข้ามาในวัดก็มันมีเหตุการณ์อย่างนี้ เพิ่งเกิดขึ้น เราคิดไว้แล้วมันจะเป็นอย่างนี้ พูดถึงเรื่องว่าไม่ค่อยได้รับเณร คือเณรมันเป็นเด็ก ถึงจะเอาผ้าเหลือง ผ้าสีขนุนอะไรมาใส่มันก็เป็นผ้าเป็นสีขนุน แต่เณรมันก็เป็นเณร เด็กมันก็เป็นเด็ก นิสัยเป็นลิงมันก็ลิงตามประสาของเด็ก ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่ค่อยรับ ขบขันดีนะ คนหนึ่งกลัวจะตาย คนหนึ่งขบขัน เด็กมันเป็นอย่างงี้เอง เราไม่ได้คิดว่าเป็นความผิดความพลาดอะไรของเณรนะ เณรมันเป็นอย่างนี้เอง

มันอยู่คนเดียวไม่ได้ คือมันต้องชอบสนุกเล่นนั้นเล่นนี้ ทีนี้อยู่กับพระ.. เล่นกับพระไม่ได้นะ พระท่านเอาจริงเอาจัง ท่านภาวนา ไปเล่นกับท่านได้ยังไง มันก็กลัวน่ะสิ เพราะพระองค์ไหนก็ขึงขังตึงตัง ไม่มีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกับเณรพอจะไปทะลึ่งท่านได้ แล้วมันไปทะลึ่งอะไร มันก็ไปทะลึ่งกับบั้งไฟ เข้าท่าดีนะ.. ขึ้นนะ มันจุดปั๊บขึ้น ซี้ด ๆ ๆ ขึ้น เข้าท่าดี เป็นบั้งไฟเล็ก ขึ้นสูงนะ วัดกรรมฐานไม่ค่อยมีเณร สำหรับพระปฏิบัติจริง ๆ ท่านไม่ค่อยจะยุ่งกับเณร คือเณรมันลอดตาข่ายอยู่นะ ตาข่ายแห่งธรรมแห่งวินัย มันก็ไม่พ้นที่มันจะออกนอกลู่นอกทางไปตามประสาของเณรจนได้ เราจึงไม่ค่อยรับ..ก็มีแต่พระอย่างงี้ ดีดผึง ๆ มองดูองค์ไหนเหมือนเป็นแบบพิมพ์เดียวกันเลย เอาจริงเอาจังทุกอย่าง ข้อวัตรปฏิบัติเคร่งครัด ปฏิบัติตัวเอง ต่อข้อวัตรปฏิบัติ และต่อศีลต่อธรรมตลอดเวลา เณรเข้ามาก็ขวางกันน่ะสิ มีไว้ก็สำหรับรับประเคนของเท่านั้นแหละ...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2020 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา