สำหรับพวกท่านทั้งหลาย กระผม/อาตมภาพไม่ได้ตั้งใจเอาไว้ถึงระดับนั้น แค่อย่าทำตัวให้เป็นภาระแก่กระผม/อาตมภาพมากนักก็พอแล้ว ระหว่างที่ภาระหน้าที่ของเรายังน้อยอยู่ ต้องทุ่มเทให้กับการปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้มากที่สุด
ถึงเวลาต้องไปเจอกับงานที่มีแรงเสียดทานมาก ๆ จะได้รับมือได้ ไม่ใช่ "กระทบนิดก็ถอย กระทบหน่อยก็สึก..!" ถ้าบุคคลประเภทนั้น กระผม/อาตมภาพไม่เคยมีความเสียดายเลย แต่ถ้าใครที่โดนแล้วโดนอีก ร่วงแล้วร่วงอีก แอบร้องไห้ "น้ำตาเป็นเผาเต่า" แต่กัดฟันอยู่ต่อได้ นั่นถึงจะเรียกว่าใช้ได้..!
ท่านต้องไม่ลืมพระพุทธวัจนะที่กล่าวเอาไว้ว่า "อานันทะ...ดูก่อนอานนท์ ตถาคตจะไม่ปฏิบัติต่อเธอทั้งหลายอย่างทะนุถนอม เหมือนกับช่างหม้อที่ปฏิบัติต่อหม้อดินที่ยังเปียกยังดิบอยู่ แต่เราจะกระหนาบแล้วกระหนาบอีก ชี้โทษแล้วชี้โทษอีก บุคคลที่มีมรรคผลเป็นแก่นสารจึงจักทนอยู่ได้"
พวกเราก็นึกถึงก็แล้วกันว่าชาวเหมือง ถึงเวลาทำเหมืองเพชรเหมืองพลอย ร่อนแร่กันเข้าไป ไอ้ที่เป็นหิน เป็นกรวด เป็นทราย ไปกับน้ำกี่สิบกี่ร้อยตันก็ไม่รู้ ? กว่าที่จะได้เพชรได้พลอยมาสักเม็ดหนึ่ง แล้วที่ได้มาก็ยังไม่รู้ว่าจะดีมีราคาหรือไม่ ? ดังนั้น..พวกเราจะอยู่ในระดับไหน อยากจะเป็นเพชรพลอยชนิดไหน ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเราเอง ครูบาอาจารย์ก็ให้ได้แต่การแนะนำ ให้แต่คำสั่งสอน
แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า อักขาตาโร ตถาคตา แม้แต่ตถาคตก็เป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น จะเอาดีได้ หรือเอาดีไม่ได้ อยู่ที่การกระทำของท่านทั้งหลายเอง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-10-2022 เมื่อ 02:48
|