ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 20-08-2020, 09:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,931 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ความหลากหลายของท่านทั้งหลายเหล่านี้ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า หลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้น สำคัญที่ว่าเราทำจริงแค่ไหน ถ้าหากว่าเราทำจริง ย่อมได้ผลจริงอย่างท่านทั้งหลายเหล่านั้น ท่านเป็นฆราวาส ทำไมถึงทรงฤทธิ์ทรงอภิญญาสมาบัติ แล้วท้ายสุดก็กลายเป็นพระอริยเจ้า พระโสดาบันบ้าง พระสกิทาคามีบ้าง พระอนาคามีบ้าง และพระอรหันต์บ้าง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าขาดอิทธิบาท ก็คือหลักธรรมที่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้อย่างท่านที่ได้ยกตัวอย่างมา

ทุกวันนี้พวกเราปฏิบัติธรรม อาตมาเคยใช้คำว่า ทำเหมือนกับแก้บน ก็คือไม่ได้จริง ไม่ได้จังอะไร บุคคลที่ปฏิบัติธรรมจริงจัง ฉันทะ...ต้องพอเพียง วิริยะ...ความพากเพียรต้องเต็มเกินร้อย จิตตะ...กำลังใจปักมั่นอยู่กับเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง วิมังสา...รู้จักไตร่ตรองทบทวนว่าเราทำอะไรเพื่ออะไร ? บัดนี้ทำไปถึงไหน ? ยังจะต้องทำจุดไหนเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายของเรา ? เป็นต้น

คราวนี้ในส่วนนี้ของเรา เมื่อขาดอิทธิบาท ๔ เราก็จะไม่จริงไม่จังในการปฏิบัติ มีโอกาสที่จะเกิดโทษในการปรามาสพระรัตนตรัยอีกด้วย

ฉะนั้น...ขอให้ท่านทั้งหลายเพียรสังวรระวังไว้ โดยเฉพาะท่านที่ตั้งความปรารถนาในพระนิพพาน เท่ากับท่านกำหนดเป้าหมายสูงสุดเอาไว้แล้ว ถ้าหากว่าท่านไปไม่ถึงเป้าหมายนั้น ก็ต้องบอกว่าท่านอาจจะโดนบังคับ

ถามว่าบังคับอย่างไร ? ก็คือว่าบุคคลที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ ต้องเห็นทุกข์อย่างชัดแจ้ง ทำความเข้าใจว่าทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่ธรรมดา แล้วก็วางทุกข์นั้นลง โดยเห็นว่าเป็นภาระ หรือเป็นธรรมะที่มีมาพร้อมร่างกายนี้ ความทุกข์เป็นเรื่องของร่างกาย ไม่ใช่เรื่องของจิตใจ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2020 เมื่อ 16:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา