ดังนั้น...บายศรีวัดท่าขนุนหรือเกาะพระฤๅษีสมัยนั้น ก็จะทำเร็วขึ้น ๆ ๆ เพราะว่าคนทำเป็นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายที่สุด คนที่ทำเป็นก็ไปรับจ้างทำบายศรี ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ บายศรีแต่ละชุด ราคาสามสี่หมื่นบาทเป็นอย่างน้อย ก็ปล่อยให้เขาอดตาหลับขับตานอนไป เราเองมีหน้าที่จ่ายเงิน ในเมื่อหัดจนเป็น สามารถทำเป็นอาชีพได้ ก็ต้องถือว่าประสบความสำเร็จ
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พอถึงเวลาหลวงพ่อฤๅษีท่านก็บ่นกับหลวงปู่ปานว่า "แค่พระองค์เล็กนิดเดียว ทำไมต้องทำบายศรีชุดใหญ่ขนาดนี้ด้วย ?" โชคดีที่หลวงปู่ปานไม่ได้ถือไม้เท้าอยู่ ไม่เช่นนั้นคาดว่าไม้เท้าคงลงหัวอย่างแน่นอน..!
พอหลวงปู่ปานท่านถามคืนว่า "แกเห็นว่าเรื่องของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องเล็กใช่ไหม ? จำไว้เลยว่าพุทโธ อัปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าไม่มีคำว่าเล็ก"
แบบเดียวกับลูกศิษย์ของหลวงปู่สด วัดปากน้ำ รับพระของขวัญ หรือที่เขาเรียกอีกอย่างว่า "สมเด็จวัดปากน้ำ" ไป แล้วก็บ่นว่า "องค์พระเล็กนิดเดียว แค่นี้จะคุ้มครองได้หรือ ?" ประเภทนี้ต้องให้แขวนพระประธาน..!
ปรากฏว่าคืนนั้นนิมิตเห็นพระสมเด็จของขวัญโตขึ้น ๆ ๆ จนเต็มจักรวาล แล้วก็มีเสียงกระหึ่มลงมาว่า "ใหญ่พอหรือยัง ?" นั่นถึงได้เข้าใจว่า เรื่องของบารมีพระพุทธเจ้าไม่มีคำว่าเล็ก เพียงแต่ว่าพระองค์ท่านจะพอดีในทุกที่
แบบเดียวกับที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์นิมนต์นั่งบนบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ พระอินทร์อาราธนาพระพุทธเจ้าประทับนั่ง แต่ใจก็คิดว่า "จะไหวหรือ พระพุทธเจ้าสูงแค่ ๘ ศอกมนุษย์ ?" บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ๖๐ ศอก ก็คงจะเหมือนกับตุ๊กตาสักตัวหนึ่งตั้งอยู่บนเตียงใหญ่ ๆ โดยประมาณ แต่ในบาลีบอกว่า คงเหมือนแมลงวันเกาะอยู่บนอาสนะ..!
พระพุทธเจ้าทราบความคิดของพระอินทร์ โยนผ้าสังฆาฏิไปก็คลุมบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ไว้ทั้งหมด ประทับนั่งลงไป ก็พอดิบพอดี ไม่รู้ว่าอาสนะเล็กลง หรือว่าพระองค์ท่านใหญ่ขึ้น..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-11-2021 เมื่อ 07:13
|