ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 07-04-2021, 07:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,448
ได้รับอนุโมทนา 4,406,282 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลักษณะอย่างนั้นก็เช่นเดียวกัน ก็คือหางานให้จิตทำ เพื่อที่จะได้เบี่ยงเบนออกจาก รัก โลภ โกรธ หลง ที่จิตกำลังปรุงแต่งครุ่นคิดอยู่ โดยเฉพาะหลวงพ่อกับเพื่อนทั้ง ๓ องค์นั้น ท่านใช้วิธีวิ่งพร้อมกับภาวนา โดยมีการขีดเส้นเอาไว้ กำหนดว่าถ้าวิ่งถึงตรงนี้จะต้องทรงฌานนี้ได้ วิ่งถึงตรงนั้นต้องทรงฌานนั้นได้ นอกจากจะเป็นการซักซ้อมความคล่องตัวในการเข้าออกฌานสมาบัติแล้ว ยังเป็นการเบี่ยงเบนความคิดไม่ให้ปรุงแต่งไปในด้านของ รัก โลก โกรธ หลง ให้จิตมีงานทำอยู่เฉพาะหน้าอีกด้วย

เมื่อวิ่งจนเหนื่อยแล้ว สภาพจิตพอเหนื่อย ความกลัวตายจะเกิดขึ้นโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว ความกลัวตายในที่นี้ก็ทำให้สภาพจิตจะรีบกลับเข้ามานิ่งอยู่ในร่าง เพราะกลัวว่าตายแล้วจะหลุดพ้นจากร่างกายนี้ไป เมื่อสภาพจิตยอมกลับมานิ่งอยู่ในร่างเมื่อไร ก็ฉวยโอกาสนี้เร่งการภาวนา จับลมหายใจเข้าออกให้มั่นคง จนกระทั่งสามารถทรงอารมณ์ให้แนบแน่นเป็นอัปปนาสมาธิได้ รัก โลภ โกรธ หลง ทั้งหลายก็จะโดนกดดับชั่วคราวไปเอง

ดังที่ได้กล่าวมา ญาติโยมทั้งหลายคงพอที่จะรู้ว่าต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าอารมณ์ใจไปปรุงแต่งอยู่กับ รัก โลภ โกรธ หลง

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๔

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2021 เมื่อ 10:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา