พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาแวะไปหาท่านอาจารย์บ๊ะ เจอญาติโยมเก่า ๆ ของวัดท่าซุงที่ไม่ได้เจอกันมา ๒๐-๓๐ ปี ก็ปรากฏว่ามีโยมคนหนึ่งเห็นอาตมาเฉย ๆ ก็ตัดสินใจเข้ามาทัก ถามว่าจำได้ไหม ? อาตมาก็บอกชื่อไป เขาก็ดีใจว่าอุตส่าห์อธิษฐานขอกับพระไว้ว่า ถ้าเป็นอาตมาจริงขอให้ทักเขาด้วยการออกชื่อ อาตมาก็ว่าไอ้นี่หาเรื่อง กลัวว่าพระจะว่างเกินไป เล่นจับพระเป็นตัวประกัน..!
ส่วนอีกรายหนึ่งบอกว่า ก็จำเขาได้แล้วทำไมไม่ทัก ? มายืนอยู่ตรงหน้าแล้วยังอุตส่าห์มาเคี่ยวเข็ญให้ทักเขาสิ ๆ อาตมาก็ได้แต่นึกในใจว่าแล้วกูจะทักไปทำไม ?
เรื่องของพระเรามีศีลอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า ห้ามประทุษร้ายตระกูลด้วยการประจบคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น..ญาติโยมหลายคนอาจจะเห็นว่าอาตมาค่อนข้างจะแล้งน้ำใจ ไม่ค่อยจะทักทายพูดคุยกับใคร เพราะกลัวว่าจะเป็นการประจบคฤหัสถ์ แต่ที่น่าเสียดายกว่านั้นก็คือ โยมชุดนี้อยู่มาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง จนหลวงพ่อมรณภาพ อยู่มาในยุคของหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ จนท่านเจ้าคุณมรณภาพ ป่านนี้ก็ยังเหมือนเดิม
คำว่า เหมือนเดิม ก็คือไม่ได้ไปไหนไกลกว่าเดิมเลย โดยเฉพาะมาบ่นให้อาตมาฟัง พออาตมาบอกวิธีแก้ไขให้ก็ไม่ฟัง แต่เถียงแทน ถ้าลักษณะอย่างนี้ทางญี่ปุ่นเขาถือว่า ทำตัวเป็นคนน้ำชาล้นถ้วย เติมอะไรก็ไม่เข้า ก็แปลว่าชาตินี้อย่าหวังว่าจะก้าวหน้าไปกว่านั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2019 เมื่อ 05:26
|