ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 15-12-2021, 22:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,125
ได้รับอนุโมทนา 4,405,162 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...แม้กระทั่งตัวกระผม/อาตมภาพเอง ก่อนที่จะเรียนจบปริญญาเอก ต้องศึกษาหลักการและทฤษฎีตะวันตกมาแล้วนับไม่ถ้วน เรียนไปแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองโง่มากที่ไปคอยเรียนทฤษฎีของฝรั่ง ซึ่งลอกแบบไปจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ไม่มีอะไรพ้นไปจากสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านรู้เลย ไม่ว่าจะยกทฤษฎีไหนขึ้นมาก็ตาม สามารถเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเข้าไปอธิบายได้ทั้งหมด

ตรงจุดนี้ก็เลยไม่ทราบว่า เพื่อนพระภิกษุที่เรียนอยู่ด้วยกันนั้นรู้สึกอย่างไร แต่ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ยิ่งเรียนก็ยิ่งเห็นอัจฉริยภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า บุคคลเมื่อ ๒,๖๐๐ กว่าปีที่แล้ว สามารถที่จะรู้ลึกรู้จริงได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เครื่องไม้เครื่องมือสมัยนั้นไม่ได้มีแบบของปัจจุบันเลย

ในเมื่อยิ่งเห็นว่าพระองค์ท่านรู้แจ้งเห็นจริง ตรัสรู้ในหลักธรรมที่แท้จริง เป็นอกาลิโก คือเหมาะสมแก่ทุกยุคทุกสมัย เอหิปัสสิโก สามารถท้าทายให้บุคคลเข้ามาทดสอบปฏิบัติดูได้ ก็ยิ่งเกิดศรัทธาเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากยิ่ง ๆ ขึ้นไป สามารถที่จะมอบกายถวายชีวิตให้ได้ในทุกงานที่พระองค์ท่านต้องการให้เรากระทำ

ดังนั้น...ในการที่ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณรของวัดท่าขนุนก็ดี หรือว่าเป็นท่านที่ติดตามฟังทางยูทูบก็ตาม ถ้าหากว่าท่านได้เรียนหรือว่าได้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นนักธรรม เป็นบาลี หรือว่าเป็นปริยัติสามัญ ระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ก็ตาม ขอให้รู้ว่าสิ่งที่ท่านทั้งหลายเรียนนั้น ไม่เกินไปจากสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และเป็นเพียง "ใบไม้กำเดียว" ที่พระองค์ท่านตรัสรู้อีกด้วย..!

ถ้าเราสามารถเข้าใจตรงนี้ได้ ก็จะยิ่งเคารพศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้นไปทุกที ตรงจุดนี้จะทำให้ท่านทั้งหลายยึดพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริง

เมื่อเอ่ยว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ก็ยึดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระธรรมเป็นที่พึ่ง ก็ยึดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ก็ยึดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ

เวลากราบพระ ก็กราบด้วยความเคารพจากหัวใจจริง ๆ ถ้าทำมาถึงตรงจุดนี้ได้แล้ว ความเป็นพระอริยเจ้าไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมเลย เพราะว่าความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ของเราแน่นแฟ้นสมบูรณ์แล้ว ก็เหลืออยู่แต่การชำระศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ และใช้ปัญญาระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราต้องตาย ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร ขึ้นชื่อว่าเกิดมามีร่างกายเช่นนี้ เราไม่ต้องการอีก เกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้ เราไม่ต้องการอีก สถานที่เดียวที่เราจะไปก็คือพระนิพพาน

ถ้าสามารถรักษาอารมณ์เช่นนี้เอาไว้ทุกวัน ขอให้ท่านมั่นใจได้เลยว่า ถ้าหากว่าหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ตาม ท่านทั้งหลายจะมีพระนิพพานเป็นที่ไปอย่างแน่นอน

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมให้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2021 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา