๓. ถือการอยู่กลางแจ้งเป็นวัตร ไม่เข้าสู่ที่มุงที่บังใด ๆ แม้แต่โคนไม้ เจตนาก็คือไม่ให้ยึดติดในที่อยู่ที่อาศัย ไปถึงจะพักที่ไหน ก็อยู่เฉพาะที่โล่งกลางแจ้ง ข้อนี้พระเดชพระคุณครูบาเจ้าเกษม เขมโก สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง เคยอยู่ในป่าช้ากลางแจ้งเป็นเดือน ๆ โดนแดดเผาจนผิวหนังลอกเป็นแผ่น ๆ ถ้าไม่ใช่ทรงฌานทรงสมาบัติอย่างสุดยอด จนตัดร่างกายได้แล้ว จะไม่สามารถทำได้เลย
๔. ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร งดจากที่พักอันสุขสบาย เข้าไปอาศัยปักกลดในป่าช้าบ้าง อยู่แถวเชิงตะกอนบ้าง เพื่อที่จะได้อาศัยระลึกถึงความตาย เพื่อที่จะได้ไม่ประมาทบ้าง เพื่ออาศัยความข่มการกลัวผีให้ได้บ้าง เป็นต้น
๕. ถือการอยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดให้เป็นวัตร ใครชี้ให้ไปพักที่ไหน หรือจัดที่พักไว้อย่างไร ก็พักไปตามนั้น ไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่ถูกใจ ถ้าหากว่าเขาขอให้สละที่พัก ก็พร้อมที่จะสละไปได้ทันที จะได้ไม่ยึดติดในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้
๕. ถือการนั่งอย่างเดียวเป็นวัตร งดเว้นอิริยาบถนอน พูดง่าย ๆ ก็คือ ยืน เดิน นั่ง แต่จะไม่เอนตัวลงให้หลังสัมผัสพื้นเลย ถ้าง่วงมาก ก็ใช้การนั่งหลับเท่านั้น ถ้าหากว่ามีการนั่งพิง บางทีก็ถือว่าบกพร่องในธุดงควัตรข้อนี้เช่นกัน
โดยเฉพาะการธุดงค์นั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านได้แบ่งเอาไว้คร่าว ๆ ว่า มีการเดินภาวนาอย่างหนึ่ง ซึ่งกระผม/อาตมภาพถนัดแบบนี้ ในแต่ละวันกระผม/อาตมภาพจะเดินประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ถ้าหากว่าเร่ง ๆ ก็จะเดินมากกว่านั้น เพราะว่าเดินไปภาวนาไป ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อย อีกประการหนึ่งก็คือเดินหาสถานที่อันเหมาะสมถูกใจตนเอง แล้วก็ไปพักปฏิบัติภาวนาอยู่ที่นั่น บางท่านก็อยู่กันเป็นพรรษาไปเลยก็มี
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2024 เมื่อ 01:57
|