ดูแบบคำตอบเดียว
  #68  
เก่า 22-07-2009, 11:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,638
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,198 ครั้ง ใน 34,228 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฌาน ๔ ได้ตลอดเวลา กับทรงฌาน ๔ ได้ตามที่เรานึกอยากจะทำ อย่างไหนดีกว่ากัน
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ทรงตลอดเวลา อารมณ์มันก็ยังขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ แต่ว่าถ้าทรงได้ในเวลาที่เราต้องการนี่ ถือว่าสุดยอดแล้ว อยากได้เมื่อไหร่ก็ทำได้ แสดงว่าเก่ง ใช้ได้ ถ้ากิเลสมันกิน ทรงฌานไม่ได้หรอก

ถาม : หลวงพ่อคะ เขาทรงฌาน ๔ ตลอดเวลาได้อย่างไร มันต้องมีบ้างที่แบบว่าอารมณ์มันถอยลงมา
ตอบ : ต้องบอกว่า กำลังสมาธิ....ถ้าหากว่าเราทำถึงที่สุดของมันแล้ว ซักซ้อมจนคล่องตัว มันจะสามารถทรงกำลังอัตโนมัติของมันเอง แล้วลักษณะของอัตโนมัตินี้ มันสามารถที่จะแบ่งกำลังใจทำอย่างอื่น ขณะนั้นความนิ่งความสงบภายในมันเท่ากับฌาน ๔ แต่การเคลื่อนไหว การพูด การทำต่าง ๆ มันเท่ากับอุปจารสมาธิ เขาถึงได้เรียกว่า ฌานใช้งาน

คราวนี้เรื่องของสมาธิมันก็ขึ้นอยู่กับทุกขัง อนิจจัง อนัตตา สามารถเสื่อมไปได้ตามสภาพ แต่ถ้าทำไปถึงระดับหนึ่งแล้วกำลังใจจะทรงตัวอยู่ บางทีกำลังสมาธิลดแต่กำลังใจไม่ได้ลดตามเลย โดยเฉพาะถ้าเป็นพระอริยเจ้าแล้ว กำลังใจในการกดกิเลสมันไม่ได้ลดตาม

แบบเดียวกับที่พระอัสสชิท่านป่วย แล้วอาการเวทนามันเกิดมาก ขนาดร้องครวญครางด้วย ท่านก็เลยขอพระที่อุปัฏฐากอยู่ไปทูลถามพระพุทธเจ้า สงสัยว่าความดีที่ทำได้จะสูญเสียแล้ว เพราะว่ามันเจ็บเหลือเกิน พระพุทธเจ้าก็ถามว่า อัสสชิ เธอเห็นร่างกายนี้เป็นของเธอหรือ พระอัสสชิก็ทูลว่าไม่เคยเห็นเป็นของตัวเองเลยพระเจ้าข้า พระพุทธเจ้าก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นความดีไม่ได้ลดลง ที่ลดลงคือกำลังสมาธิที่เป็นฌาน คราวนี้ร่างกายที่ป่วยมาก ๆ ฌานก็เสื่อมเป็นธรรมดา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2019 เมื่อ 20:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา