"คนขับรถมือไม้อ่อนไปไหนไม่เป็น อาตมาบอกว่า "ก็ไปสิ" ยังต้องตั้งหลักพักหนึ่งแล้วค่อยไป ตรงจุดนี้อาตมาเห็นอยู่ ๒ เรื่อง เรื่องแรก คือ ถ้าสติของเรามั่นคงจะไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากมองดูว่าจะแก้ไขเหตุการณ์อย่างไรให้ออกมาดีที่สุด เรื่องที่ ๒ ก็คือ ถึงคุณจะสร้างบุญไว้มาก กรรมก็มีอยู่ รอที่จะแทรกอยู่เสมอ พลาดเมื่อไรเป็นโดน..!
งานนั้นวิบากกรรมพยายามทุกวิถีทางที่จะเล่นให้ได้ ลองคิดดูว่าถนนทั้งกว้าง ทั้งใหญ่ขนาดไหน ทำไมเจาะจงจะดึงรถเข้าหาเสาไฟฟ้ากับต้นไม้เท่านั้น ที่ว่างตั้งเยอะตั้งแยะไม่เอาไป แต่ขณะเดียวกันเรื่องของกุศลกรรมก็พยายามป้องกันอยู่ สรุปว่าไม่มีอะไรเจ็บ ไม่มีอะไรเสียหาย นอกจากรถทั้งถนนจอดดูรถของเราเต้นระบำกันหมด เพราะรู้สึกว่ารถเต้น ๒ ล้อ อีก ๒ ล้อหน้าลอยพ้นพื้นอยู่ตลอดเวลา
ถือว่าเป็นอะไรที่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับชีวิตได้ดี อาตมาไม่ได้ตื่นเต้นหรอก แต่คนที่นั่งไปด้วยนี่ตื่นเต้นดีมาก อาตมาเพียงแต่เพิ่มความน่าอิจฉาให้กับคนที่รู้แล้วอยากทำได้อย่างนั้นบ้าง ...(หัวเราะ)... กรุณาอย่าอยาก...ถ้าขืนอยากเดี๋ยวได้
อาตมาเจิมรถไปตั้งแต่พรรษาที่ ๖ ปรากฏว่าคันที่เกิดอุบัติเหตุหนักที่สุด คือ ประกันต้องออกรถใหม่ให้เลย รถเก่าไม่สามารถที่จะใช้งานได้อีก ต้องขายเป็นเศษเหล็ก แต่คนขับไม่เป็นอะไรแม้แต่รอยเท่าแมวข่วน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ยังไม่เสียสถิติ แต่อยากจะเตือนญาติโยมทั้งหลายว่า พวกเราเคยติดตามกันมา คือออกศึกออกสงครามมาด้วยกัน เล่นชาวบ้านเขาไว้เยอะ เมื่อถึงเวลาแล้วก็โปรดระมัดระวังด้วยว่าเขาจะมาทวงคืน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2016 เมื่อ 10:41
|