สมมติว่าเราขับรถสวย ๆ อยู่ ๆ ก็โดนน้ำสกปรกสาดใส่ทั้งถัง เราก็ต้องรีบล้างรถของเราให้สะอาด แต่นี่สื่อโซเชียลต่าง ๆ สาดขยะใส่ใจของเราอยู่ทุกวัน หน้าที่ของเราก็คือชำระใจให้ผ่องใสจากกิเลส แทนที่จะรีบขัดถูรักษาใจของเราให้ดี กลับไปกอบโกยเอาขยะเหล่านี้เข้ามาในใจอยู่ทุกวัน แล้วหลายท่านก็พลอยมีอารมณ์ร่วม รัก โลภ โกรธ หลง ตามไปอีกด้วย
ดังนั้น...ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เราต้องมีปัญญา มองเห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิด ว่าถ้าเราจะตัดข้ามกระแสแห่งห้วงทุกข์นี้ไปได้ ก็ต้องพยายามสำรวม กาย วาจา ใจ ของเราให้ดี รักษากำลังสมาธิที่เราทำไว้ได้ อย่าให้รั่วออกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จนหมด ซึ่งถ้าหากว่ารั่วหมด โอกาสที่เราจะนำกำลังสมาธิไปใช้ในการตัดกิเลสก็ไม่มีทางสำเร็จได้ เพราะว่าทำมาเท่าไรก็รั่วเกลี้ยง ไม่เหลืออะไร กี่ปี ๆ กำลังก็ไม่พอในการตัดกิเลส
จึงเป็นเรื่องที่พุทธบริษัททั้งหลายจักพึงสังวรเอาไว้ว่า การที่เราจะทำหน้าที่พุทธบริษัทให้ดี ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการชำระใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลส เป้าหมายแรกเลยก็คือ เพื่อหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน เป้าหมายรอง ๆ ลงไปก็คือ ถ้าหากว่ามีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา เราจะได้เป็นผู้ยืนยันว่าพระพุทธศาสนาของเราเป็นของดี เป็นของจริง เป็นของแท้ สามารถท้าพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติจนเห็นผลได้
เรื่องที่พูดไปในรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม ไม่มีพวกเราได้ยิน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าโดนรับเชิญกะทันหัน จึงได้แสดงความคิดเห็นไปพอสมควร เห็นว่าบางเรื่องเหมาะสมกับยุคสมัย จึงควรที่จะนำมากล่าวไว้ในที่นี้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2022 เมื่อ 03:50
|