ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 10-05-2021, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,199 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในส่วนที่ผมนั่งพับเพียบมาตลอด ตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี จนถึงอายุ ๖๒ ปี ก็เพราะว่าเห็นครูบาอาจารย์คือหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านตำหนิญาติโยมที่นั่งขัดสมาธิต่อหน้าท่าน แล้วก็ดุเอาแรง ๆ ด้วย ผมก็เกิดความสงสัย จนกระทั่งมาฝึกมโนมยิทธิได้ ถึงได้เข้าใจว่า เวลาพระพุทธเจ้าท่านเสด็จ เราควรจะอยู่ในท่าที่ให้ความเคารพมากที่สุด ซึ่งการนั่งพับเพียบย่อมดูว่า ให้ความเคารพมากกว่าการนั่งขัดสมาธิอยู่แล้ว

ในเมื่อกำหนดภาพพระเป็นปกติ ก็เท่ากับว่าอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ผมก็เลยเคยชินกับการนั่งพับเพียบ ก็ไม่นึกว่านานไปจะทำให้ร่างกายชำรุดได้ขนาดนี้ ถ้าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่าก่อน ๆ หน้านี้ บางทีผมต้องจะใช้มือดันเอวตัวเอง เพราะจะขัดไปด้านหนึ่ง พอดันเข้าที่ก็หายชั่วคราว แล้วเดี๋ยวก็เป็นอีก โดยเฉพาะเวลานั่งนาน ๆ

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าพวกเรายังเข้าไม่ถึงการเคารพในคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ก็จะไม่เข้าใจว่าเราต้องทรมานทรกรรมร่างกายขนาดนั้นเชียวหรือ ? ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ ความเคารพความศรัทธาในพระรัตนตรัยที่ออกมาจากใจ กาย วาจา ใจ ของเราจะไม่ล่วงเกินต่อคุณพระรัตนตรัย ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ถ้าใครทำมาถึงตรงนี้ จะเข้าใจว่าสิ่งที่ผมพูดหมายถึงอะไร พูดง่าย ๆ ก็คือ แม้แต่ชีวิตก็สละเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชาได้ แล้วทำไมแค่นั่งพับเพียบจะทำไม่ได้ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2021 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา