จากเหตุการณ์เหมือนหลวงพ่อสะกดเอาไว้เช่นนั้นก็ไม่ปาน หลับกันไม่มีใครตื่นเลย หลวงพ่อบอกว่า "รออยู่นี่นะ" พอแสงแดดอ่อน ๆ เริ่มสว่างมาไล่เอาความมืดในบริเวณนั้น ให้ค่อย ๆ หมดไป ชาวบ้านดูเหมือนไม่มีใครตื่นมาเลยสักคน ตื่นขึ้นมารับอรุณ เหมือนทุก ๆ วันที่มาพักแรม คิดในใจเขาคงเหนื่อยทำงานทั้งวันเพื่อสร้างที่พักให้หลวงพ่อ
หลวงพ่อเดินไปข้าพเจ้ามองตาม ตัวหลวงพ่อลอยขึ้นกลางอากาศ ปะทะกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา แสงแดดอ่อน ๆ ยามรุ่งอรุณทำให้เห็นหลวงพ่อชัดเจน ข้าพเจ้ายืนดูด้วยความตะลึง เข่าอ่อน คุกเข่าลงกับพื้น ก้มลงกราบสามครั้งอย่างไม่รู้ตัว น้ำตาไหลลงอาบแก้ม ป่าทั้งป่าเงียบสนิท ไม่มีเสียงจักจั่นส่งเสียงร้อง หากไม่เห็นกับตาของตัวเองในขณะที่ตื่นอยู่ ไม่ได้หลับ ไม่ได้ฝันไป จะไม่เชื่อเลยหากใครมาเล่าให้ฟัง แต่นี่ได้เห็น เห็นกับตาจึงต้องเชื่อ อีกไม่นานนักบริเวณที่พักก็สว่างขึ้นตามลำดับ หลวงพ่อกลับมา ข้าพเจ้าก้มลงกราบ ท่านยิ้มด้วยความเมตตา เมื่อข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นสบตาท่าน ท่านไม่ได้พูดอะไร ท่านเปิดฝาบาตรใช้มือหยิบข้าวมาก้อนหนึ่ง
ข้าวก้อนนั้น ขาวนวลเป็นประกาย มีกลิ่นหอมชวนกิน ความหอมสุดจะอธิบายให้เข้าใจได้ มันปีติมากกว่า หลวงพ่อเอาใส่ปากข้าพเจ้า แค่ข้าวเข้าปากมันซ่านไปทั้งตัว หลวงพ่อบอก "กินเสียข้าวทิพย์ เทวดาเขาใส่บาตรมาให้ กินเสียจะได้เป็นยา สุขภาพจะได้ดี จะได้มีโชคลาภ มีปัญญา ผู้มีบุญวาสนาเท่านั้นที่ได้กินข้าวทิพย์ มีเฉพาะพระอริยสงฆ์เท่านั้นจะได้ฉันในโอกาสสำคัญ ๆ"
ท่านบอก "เทวดาเขาต้องการทำบุญ ต้องการบารมีเช่นกัน" ข้าวก้อนนั้นไม่มาก แต่พอตกถึงท้องก็รู้สึกอิ่มซ่านไปทั้งตัว เหมือนมีความร้อนวิ่งพล่านไปทั่วกาย อาการปวดเมื่อยจากการทำงานหายไปหมดสิ้นและมีกำลังเพิ่มขึ้น เหมือนกินข้าวมาจนอิ่ม ข้าพเจ้าขอดูในบาตร หลวงพ่อบอกว่าหมดแล้ว และหมดจริง ในบาตรว่างเปล่า ความตั้งใจเพื่อขอให้ทุกคนได้กินด้วย เมื่อหลวงพ่อเปลื้องจีวรออกแล้ว ท่านนั่งลง ชาวบ้านซึ่งหลับกันอยู่ต่างตื่นตกใจว่า พากันตื่นสาย คนหนึ่งบ่นว่าหลับไปเหมือนตายกันหมด หลวงพ่อไม่มีอาหารฉัน เรื่องนี้ขอให้ท่านผู้มีใจเป็นกลาง ได้พิจารณาเอาเองเถิด
|