ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 05-01-2022, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,317 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วิธีแก้ไขง่ายที่สุดเลยก็คือ กลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็คือสลัดเรื่องอื่นออกไปให้หมด ตอนนี้ขออยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้าเท่านั้น หลุดไปเมื่อไรก็ดึงกลับมาใหม่ หลุดไปเมื่อไรก็ดึงกลับมาใหม่ พอสภาพจิตเริ่มเคยชินก็จะยอมอยู่นิ่ง ไม่เผลอไปคิดเรื่องอื่นในระหว่างที่ภาวนาอีก

ครูบาอาจารย์หลายท่านบอกว่า ถ้าทรงฌานระดับสูง ๆ แล้วคิดไม่ได้ ต้องคลายออกมาที่อุปจารสมาธิ ถึงจะคิดพิจารณาได้ ตรงนี้
กระผม/อาตมภาพขอคัดค้านครับ ถ้ามีความคล่องตัวในการทรงฌานแล้ว จะระดับไหนก็คิดได้ ยิ่งการคิดในขณะที่ทรงฌานระดับสูงเท่าไร ความชัดเจน ความผ่องใสของจิตมีมาก ก็สามารถที่จะรู้แจ้งแทงตลอดได้ง่ายกว่า การลดลงมาที่อุปจารสมาธิ ถ้ากำลังฌานคุมไม่อยู่ก็จะฟุ้งซ่านได้ง่าย ยิ่งถ้าหากว่าเราเผลอคิด หลุดออกจากหลักธรรมเมื่อไร ก็จะกลายเป็น รัก โลภ โกรธ หลง ทันที

แต่ว่าใหม่ ๆ ก็ต้องเอาแบบนี้ไปก่อน เพราะว่าหลายท่านทรงได้แค่ปฐมฌานหยาบ เผลอเมื่อไรก็หลับ จึงต้องคลายสมาธิออกมาเป็นอุปจารสมาธิ คืออารมณ์ปกติแล้วค่อยคิด แต่พวกเราก็มักจะมีจุดบอด ก็คือพิจารณาวิปัสสนาไม่ค่อยเป็นกัน มักจะถนัดแต่ในเรื่องของสมถะ เข้าสมาธินั่งเงียบ ๆ ดีกว่า

ตรงจุดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิ เพราะว่าสภาพจิตของเรา ถ้าต้องการความสงบ เราก็ปล่อยให้จิตสงบไป แค่ตามดูตามรู้เฉย ๆ แต่ถ้าต้องการจะคิดเมื่อไร ต้องระวังให้มาก รีบหาวิปัสสนาญาณให้คิด ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะฟุ้งซ่านทันที

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเราเข้าสมาธิอย่างเดียว จะมีโอกาสตัดกิเลสได้ไหม ? ตัดได้..เพราะว่าช่วงที่จิตทรงสมาธิอยู่ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดไม่ได้ ถ้าสามารถทรงตัวได้นานพอ กิเลสก็ตายได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าอันตราย เพราะถ้าเผลอหลุดจากสมาธิเมื่อไร ก็โดนกิเลสงัดหงายท้อง ในเรื่องของวิปัสสนาญาณก็เหมือนกัน ถ้าเราเอาแต่พิจารณาอย่างเดียวโดยที่กำลังสมาธิไม่พอ ก็ตัดอะไรไม่ได้สักที

เพราะว่าในเรื่องของสมถะ คือการภาวนา เหมือนอย่างกับคนเพาะกาย มีกำลังมาก วิปัสสนาภาวนาเหมือนอย่างกับอาวุธที่มีความคมมาก คนที่แข็งแรง มีอาวุธที่แหลมคม จะตัดจะฟันอะไรก็ง่าย ดังนั้น...ทั้งสองอย่างควรที่จะทำควบคู่กันไป ไม่เช่นนั้นแล้วในการภาวนาอย่างเดียว โอกาสที่จะบรรลุมรรคผลนั้นยาก เพราะเราไม่รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลายาวนานเท่าไรจึงจะกดกิเลสให้ตายคามือไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2022 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา