"จนกระทั่งไปถึงทางสามแยก ทั้งสองก็บอกแก่กันว่า “ตอนนี้เราถือเพศเป็นนักบวชแล้ว ผู้หญิงกับผู้ชายถ้ายังไปด้วยกัน จะเป็นที่ครหานินทาของผู้คน ดังนั้น..เราแยกกันเถอะ” นางภัททกาปิลานีก็เลี้ยวซ้าย พระมหากัสสปะก็เลี้ยวขวา
นางภัททกาปิลานีไปเจอสำนักภิกษุณี บวชแล้วปฏิบัติธรรมจนกลายเป็นพระอรหันต์ ส่วนพระมหากัสสปะนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จมารับกลางทาง ประทานโอวาทให้ ๓ ข้อก็คือ ๑. ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงตั้งอยู่ในความเกรงใจในเหล่าภิกษุทั้งหลาย ทั้งที่เป็นผู้ใหม่ ผู้ปานกลาง และผู้เก่าอย่างแรงกล้า ก็คือต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนและละทิฐิมานะของตัวเอง
๒. ดูก่อนกัสสปะ...เมื่อเธอฟังธรรม จงเงี่ยหูฟังและตั้งใจพิจารณาในเนื้อความ คือฟังแล้วต้องคิด คิดแล้วจะได้นำไปปฏิบัติด้วย
๓. ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงอย่าละสติที่ไปในกาย ก็คือกายคตาสติ ให้เห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่มีความดีอะไร เราสักแต่ว่าอาศัยอยู่เท่านั้น
พระมหากัสสปะจึงบวชด้วยวิธีพิลึกพิลั่นที่สุด ก็คือเรียกว่าบวชโดยการรับโอวาท ๓ ข้อ เพราะว่าท่านโกนหัวห่มจีวรมาแล้ว ท้ายสุดท่านก็บรรลุมรรคผล เป็นผู้นำในการทำสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๑ จนกระทั่งทางมหายานถือว่าท่านเป็นพระสังฆราชรูปแรก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2019 เมื่อ 01:54
|