ดูแบบคำตอบเดียว
  #20  
เก่า 27-09-2014, 08:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น...เรื่องพวกนี้ถ้าเราตั้งใจสั่งสม ค่อย ๆ ทำไป ทำแบบสม่ำเสมอจริงจัง ถึงเวลาถ้ากำลังพอก็จะก้าวล่วงสิ่งต่าง ๆ ไปได้ อาตมาเองก่อนหน้าก็พิจารณาถึงความเกิดและดับ เขาเรียกว่าอุทยัพพยานุปัสนาญาณ พิจารณาว่าทุกสิ่งต้องดับสลายหมด เรียกว่าภังคานุปัสนาญาณ พิจารณาว่าร่างกายนี้ก็ดี ร่างกายของคนอื่นก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์เป็นภัย เขาเรียกภยตูปัฏฐานญาณ

พิจารณาว่าร่างกายนี้เป็นสิ่งของที่น่ากลัว เหมือนกับเสือร้ายคอยขบกัดเราอยู่ตลอดเวลา อย่างน้อย ๆ ก็ต้องส่งอาหารให้วันละ ๓ มื้อ ต้องรักษาพยาบาล ต้องคอยดูแล อาบน้ำอาบท่าอยู่ตลอดเวลา ตกเป็นทาสของร่างกายอย่างโงหัวไม่ขึ้น เรียกว่าอาทีนวานุปัสนาญาณ ไปจนถึงอารมณ์เบื่อ เรียกว่านิพพิทาญาณ กระโดดข้ามมาตั้งหลายขั้น อย่างอื่นจะค่อย ๆ ตามมาเอง

แต่เจ้านิพพิทาญาณโผล่มานี่เลิกเลย หมดอารมณ์ที่จะไปกินไปเที่ยวที่ไหน..ไม่เอาแล้ว ก็กลายเป็นมุญจิตุกัมมยตาญาณ คิดจะหาทางหนี ทำอย่างไรตูถึงจะไปโดยที่สาวเขาไม่แหกอกเสียก่อน ก็ต้องเป็นปฏิสังขานุปัสนาญาณ ต้องหนีให้ได้ อันนั้นคิดหาทางหนี อันนี้ต้องหนีให้ได้

ในเมื่อจะหนีให้ได้ ทุ่มเทความสามารถในการปฏิบัติทุกอย่างในศีล สมาธิ ปัญญา ก็กลายเป็นสังขารุเปกขาญาณ ปล่อยวางการปรุงแต่งทั้งปวง เห็นของอะไรก็สักแต่ว่าเห็น อย่างนี้เป็นไมค์ลอยธรรมดา แต่ถ้าคิดต่อ “วันนั้นไปร้องคาราโอเกะ” ราคะมานิดหนึ่งแล้ว “สาวคนร้องหุ่นดีมากเลย” มาหนักเข้าไปอีก ร้องไปร้องมาพวกขว้างแก้วใส่ ด่าว่าเสียงอย่างกับควายออกลูกเสือกมาร้องเพลง โมโหอีกแล้ว โทสะมาแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2014 เมื่อ 10:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา