ดูแบบคำตอบเดียว
  #9  
เก่า 01-02-2014, 19:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,905 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตกลงว่าอาตมาจะบอกอะไรแก่พวกเรา ? จะบอกว่าทุกวันนี้เราโดนครอบงำด้วยกระแสบริโภคนิยม ไอโฟน ๓ โยนทิ้งไปเลย ไม่ต้องมาคุย ไอโฟน ๔ ตกยุคไปแล้ว ไอโฟน ๕ กำลังจะร่วงไปอีกแล้ว ตอนนี้ซัมซุงกาแลคซี่ออกใหม่อีกแล้ว มีแอพพลิเคชั่นเยอะกว่าเดิม แล้วเงินจะเหลือไหม ? ก็เหมือนกัน เพราะเราเอาเงินไปใช้กับพวกนี้ ขณะเดียวกันเราก็ใช้กำลังสมาธิสมาบัติที่เราบางคนก็ทำได้ดีด้วย ไปใช้กับพวกนี้หมด

ฉะนั้น..ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าปฏิบัติธรรมเท่าไร ทำไมกิเลสเหมือนเดิม แม้กระทั่งพระของเรา ปฏิบัติไปปฏิบัติธรรมมาก็ “โอ๊ย..! อยากมีเมีย” เพราะกำลังไปสนใจเรื่องอื่นจนหมด แล้วจะเหลือรอดจากกิเลสไปได้อย่างไร ?

อยากจะบอกพวกเราว่า สิ่งที่เราทำ เราทำมาถูกทางแล้ว แต่เราใช้ไปในทางที่ผิด โดยเฉพาะว่าเราไม่ได้รักษาสมาธิที่เราทำได้เอาไว้ ถึงเวลาเราเลิกแล้วก็เลิกเลย ไม่คอยประคับประคองรักษาอารมณ์ใจเอาไว้ กิเลสก็มาตีเรา เหมือนกับเราว่ายทวนน้ำแล้วปล่อยไหลตามน้ำไป ไม่ได้ระยะทางที่ต้องการสักที

มาทวนกันว่าอันดับแรก เมื่อออกไปใส่บาตร ดูตาม้าตาเรือให้ดี ปฏิบัติธรรมไปแล้วต้องรู้กาลเทศะ จิตใจต้องละเอียดอ่อนขึ้น ต้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร อะไรเหมาะสมไม่เหมาะสม พิจารณาสถานการณ์แล้วเลือกเอาด้านที่กระทบกระทั่งคนน้อยที่สุด

ประการที่ ๒ ในเรื่องของการปฏิบัติ ถึงเวลาแล้วรักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่องเพื่อที่จะได้ใช้งานในชีวิตจริงของเราได้ ถ้าปฏิบัติไปแล้วใช้งานจริงไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร กลายเป็นเก็บกด แล้วถึงเวลาไปกระทบกระแสกิเลส ก็จะมีอารมณ์ที่ต่อต้านรุนแรง ตอบโต้รุนแรง กลายเป็นคนอื่นเขาสงสัยว่า ปฏิบัติธรรมแล้วทำไมถึงขี้โมโห เราเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงขี้โมโห
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2014 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา