ที่ชัดที่สุดก็คือ น่าจะประมาณพรรษาที่ ๔ สองคนกับท่านชาติชาย (พระชาติชาย สุธมฺมธนปาโล) ไปงานพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศแก่พระครูสัญญาบัตรของหนเหนือที่วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ พอถึงเวลา ปรากฏว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ของกรมศาสนา ตอนนั้นยังไม่เรียกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาถึงก็ไล่พระข้างในออกหมดเลย บอกว่าที่นั่งที่นี่ให้เฉพาะกับพระผู้ใหญ่ที่ได้รับฎีกานิมนต์เท่านั้น ปรากฏว่าไอ้ ๒ พระหน่อ อาตมภาพน่าจะเริ่มพรรษาที่ ๔ อีกฝ่ายหนึ่งเพิ่งจะบวชพรรษานั้น นั่งโด่เด่อยู่ ไม่มีใครกล้ามาไล่..!
จนกระทั่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เสด็จมาถึง ท่านประทานย่ามที่มีพระนามย่อ ญสส.ให้กับพระเถระ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือบรรดาเจ้าคุณใหญ่ ๆ โต ๆ องค์ละ ๑ ใบ ไอ้ ๒ ตัวกระเปี๊ยกก็พลอยได้มาคนละใบ แล้วถ้าระดับนั้นยังไม่ต้องลุกให้ใคร ก็น่าคิดอยู่เหมือนกันนะ..!
แต่ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเอาไว้แล้วว่า ถ้าหากว่าใครสร้างธรรมาสน์ สร้างอาสนะ สร้างตาลปัตรถวายวัดไว้ อานิสงส์ตรงส่วนนี้ ถึงเวลาทำอะไร จะโดนเขาถีบออกหน้าไปเสมอ แบบกระผม/อาตมภาพนี่แหละ..!
ท่านบอกว่าสิ่งของทั้งหลายเหล่านี้ ไปหนุน ไปเสริมให้คนอื่นเขาเด่น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงเวลาตัวเองถึงไม่ต้องการอะไรก็จะต้องเด่นไปด้วย ก็เลยงง ๆ ว่าตกลงที่ทุกวันนี้ ถ้านั่งลงไปแล้วไม่ต้องลุกให้ใคร เกิดจากอานิสงส์อะไร ? เกิดจากอานิสงส์ของการที่ทำบุญไว้มาก หรือว่าเกิดจากอานิสงส์ที่เคยสร้างสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านี้มา
ขอฝากให้พระภิกษุสามเณรของเราและญาติโยมไว้เป็นข้อคิดว่า ในเรื่องของการสร้างบุญสร้างกุศล บางอย่างแม้เราไม่ต้องการ แต่ก็เป็นของแถมติดปลายนวมมา เหมือนอย่างกับซื้อรถ เขาต้องให้ล้อมาด้วย ไม่อย่างนั้นรถก็วิ่งไม่ได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2023 เมื่อ 05:20
|