ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 05-05-2022, 12:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,945 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อวานนี้ในขณะที่รับสังฆทานและตอบปัญหาธรรมนั้น มีพระสงฆ์มาสอบถามปัญหาหลายข้อที่ควรจะพูด จะกล่าวถึงในที่นี้

ข้อแรกเลยเกี่ยวกับพระธรรมวินัย ท่านถามว่า หลวงพ่อเคยบอกว่า ในสังฆกรรมนั้น ถ้ามีพระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกหรือว่าสังฆาทิเสสเข้าไปอยู่ด้วย ก็จะทำให้สังฆกรรมนั้นเสียหาย ทำไปก็ไม่เป็นสังฆกรรม เป็นต้น

จุดที่ถามก็คือว่า "การที่พระให้ปริวาสกรรมหรือว่าสวดอัพภานนั้น บุคคลที่ไปรับปริวาสกรรมคือบุคคลที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส หรือว่าบุคคลที่จะมารับอัพภาน คือบุคคลที่ต้องออกจากอาบัติสังฆาทิเสสนั้น เป็นบุคคลที่ต้องอาบัติหนัก ศีลไม่ครบถ้วน สังฆกรรมนั้นย่อมเสียหายไม่ใช่หรือครับ ?"

ถ้าฟังดูแล้วก็น่าจะเป็นไปตามที่ท่านสงสัย แต่ท่านลืมไปว่า สังฆกรรมนี้ไม่ว่าจะเป็นการให้ปริวาสกรรมเพื่อให้บุคคลที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสไปอยู่ปริวาส เก็บมานัตต์จนกว่าจะครบตามโทษานุโทษของตน แล้วจึงออกมาขออัพภาน ก็คือให้คณะสงฆ์อย่างน้อย ๒๑ รูป สวดรับตนเองคืนสู่หมู่นั้น เป็นสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กำหนดพิธีกรรมเอาไว้

ในส่วนที่บุคคลต้องอาบัติแล้วไปอยู่ร่วมในสังฆกรรมนั้น ก็คือคณะสงฆ์ผู้ให้ปริวาส หรือว่าคณะสงฆ์ผู้สวดอัพภานคืนความเป็นสงฆ์ให้ ไม่ใช่บุคคลที่ไปขอปริวาสกรรมหรือว่าไปขอให้สวดอัพภานคืนความเป็นสงฆ์

ถ้าหากว่าเป็นเช่นที่ท่านสงสัยนั้น การอุปสมบททุกครั้งก็จะไม่เป็นสังฆกรรม บุคคลที่อุปสมบทก็จะไม่เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะว่าบุคคลที่เข้ามาอุปสมบทนั้นมีศีลอย่างเก่งก็แค่ ๕ หรือว่า ๘ ข้อเท่านั้น เท่ากับว่าเป็นอนุปสัมบัน คือบุคคลที่ศีลน้อยกว่า แล้วเข้าอยู่ในสังฆกรรมนั้น ทำให้สังฆกรรมไม่เป็นสังฆกรรมเช่นกัน ก็คือท่านไปเข้าใจผิดว่าบุคคลที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ถือว่าเป็นอนุปสัมบันในสังฆกรรมนั้น แล้วก็จับแพะชนแกะ เอามาผสมปนเปรวมกันกับคณะสงฆ์ผู้ให้สังฆกรรม

จึงได้ชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้วว่า สังฆกรรมนั้น ถ้าหากว่าคณะสงฆ์ไม่เป็นบุคคลที่ต้องอาบัติหนักในปาราชิกหรือว่าสังฆาทิเสส ก็ย่อมเป็นสังฆกรรมที่สมบูรณ์ เนื่องจากว่าได้รับพระบรมพุทธานุญาตให้กระทำเช่นนั้นในเขตสีมา เช่นเดียวกับการอุปสมบทกุลบุตรผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้เข้าอุปสมบทนั้น ย่อมมีศีลน้อยกว่าเป็นปกติอยู่แล้ว

เราต้องพิจารณาให้ดี ไม่ใช่ว่าฟังคำแล้วก็จับเอาไปชนกันชนิดที่มั่วไปหมด ถ้าเข้าใจผิดเช่นนั้นแล้วไม่มาสอบถาม ก็อาจจะสั่งสอนสัทธิวิหาริกอันเตวาสิก คือบรรดาลูกศิษย์ของตนแบบผิดพลาดต่อไป จนกระทั่งอาจจะกลายเป็นอาจริยวาท ก็คือยึดถือคำสอนของครูบาอาจารย์เป็นใหญ่ ซ้ำยังเป็นการยึดถือในทางที่ผิดอีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2022 เมื่อ 17:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา