ดูแบบคำตอบเดียว
  #558  
เก่า 01-08-2020, 12:46
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

เหตุการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อองค์หลวงตาเดินทางไปวัดถ้ำผาปู่ ซึ่งบังเอิญพอดีกับที่หลวงปู่คำดีได้จุดธูปนิมนต์ขอให้องค์หลวงตาเดินทางมา ท่านเล่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นไว้ ดังนี้
“... มันแปลกอยู่นะ คือท่าน (หลวงปู่คำดี) เดินจงกรมอยู่ ท่านอยู่กุฏิท่าน ๒ ชั้น พอดี ๔ ท่านลงมาเดินจงกรมอยู่ข้างใต้... ที่นี้เวลาเดินจงกรมอยู่ ติดปัญหาละซิ โอ๋ย.. มันเหมือนกับหอกกับหลาวทิ่มลงไปเลย ปัญหามันขวางใจท่าน ‘เอ ! ทำยังไงก็แก้ไม่ตก ๆ มองหาใครไม่เห็น’ ..


นี่ละ..ท่านพูดอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ท่านพูดอย่างภาคภูมิใจท่านเสียด้วยนะ เวลาได้พบกันแล้ว.. ไม่มองเห็นใครเลยท่านว่าอย่างนี้ เพราะเคยคุยธรรมะกันแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยคุยธรรมะกับท่านมาโดยลำดับลำดาแล้ว แต่พอมาถึงจุดนี้ละซิ ท่านไปติดปัญหาขึ้นทางใจของท่าน กำหนดหาครูบาอาจารย์องค์ใด.. พระองค์ใดไม่สัมผัสใจเลย จิตมันดิ่งหาแต่ท่านมหาองค์เดียว จิตมันดิ่งมาหาเรานี้องค์เดียว นอกนั้นไม่ไปไหน ดิ่งมาองค์เดียว แล้วท่านก็ปุ๊บปั๊บออกจากทางจงกรมเลย ... มาจุดธูป มีแท่นพระอยู่ชั้นล่าง ข้างบนเราไม่ได้ขึ้นไป ท่านมาจุดธูปเทียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอจุดธูปจุดเทียนไหว้พระเสร็จแล้ว ... ก็กล่าวว่า
‘ขออาราธนาท่านมหาบัวมาโปรดโดยด่วน’


เราว่า ‘โอ๊ย.. ทำไมครูบาอาจารย์พูดอย่างนี้’

ท่านว่า ขอให้ผมพูดเต็มหัวใจผมเถอะ ว่าอย่างนั้น...”

เรื่องนี้ภายหลังทราบจากคนรถที่คอยอุปัฏฐากรับใช้องค์หลวงตาว่า เหตุการณ์ครั้งนั้น แกได้รับคำสั่งด่วนจากองค์หลวงตา ให้รีบเข้าไปที่วัดป่าบ้านตาดในเวลา ๑๑ โมงวันนี้ องค์หลวงตาเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า
“... พอดีตอนสายมา มันบันดลบันดาลอะไรก็ไม่รู้นะ พอเช้าวันนั้นขึ้นมาตอน ๑๑ โมง มันบันดลบันดาลอะไรก็ไม่รู้นะ เราก็สั่งให้ไปในตลาดเลย ร้านชวลิต ให้นายบุญขับรถมาหาเราเดี๋ยวนี้ ‘เราจะไปถ้ำผาปู่ ไปเดี๋ยวนี้นะ’


เขาก็บึ่งรถมาเลย มาก็ไปแบบรีบด่วนแต่ไปแบบรีบบ้าเราต่างหาก ตามประสาเรานะ พอไปก็ยังมีเวลาอีกนิดหนึ่ง ยังเป็นห่วงเพราะท่านอาจารย์ชอบคุ้นเคยกัน เลยไปแวะวัดท่านอาจารย์ชอบเสียคืนหนึ่ง ออกจากนี้ก็ไปค้างที่อาจารย์ชอบคืนหนึ่ง เช้าวันหลังจึงไปหาท่าน... พอถึงวัดถ้ำผาปู่ พอทราบว่าท่าน (หลวงปู่คำดี) พักแล้ว เราบอกพระว่า
อย่าไปกวนท่านนะ วันนี้ผมจะพัก ไม่กลับ.. ผมจะค้างกับท่าน อย่าไปกวนท่านนะ ผมจะไปหาที่พักก่อน พอได้เวลาแล้วจะมาหาท่าน เวลานี้ท่านยังพักอยู่


เขาปิดประตูเงียบ พอเรามานี่.. พระองค์นั้นแอบไปทางด้านหลังไปบอกหลวงปู่คำดี พอทราบท่านจึงรีบออกมาโดยเปิดประตูเหล็กเลื่อน เรียก ‘ท่านมหา ท่านมหาอยู่นี่เหรอ ?’ โบกมือเรียก

เราเลยดุพระว่า ‘ไปรบกวนครูบาอาจารย์ทำไม ? ท่านองค์นี้น่ะ..ก็จะคุยอยู่แล้วนี่นะ’

พอไปถึงแล้ว ท่านพูดว่า ‘โฮ้..มาเร็วดีนะ’

‘เร็วอะไร ? แล้วท่านอาจารย์จะมีเรื่องคุยอะไรกัน ?’

‘เดี๋ยวมันจะได้คุยกันแหละ

บทเวลาได้คุยกันแล้ว ท่านถึงพูดถึงเรื่องขออาราธนาท่านมหาบัวมาโปรดโดยด่วน คือว่ามาโดยด่วน พอผมนิมนต์เมื่อวาน.. วันนี้ท่านก็มา วัดนี้ท่านไม่เคยมาเลย ท่านมาจะให้แน่นอนขนาดไหน.. ท่านว่าอย่างนั้น

เราก็ไม่เคยไปจริง ๆ นะ ไม่เคย ก็ไปวันนั้นเป็นครั้งแรกเลยแหละ แต่ค้างที่วัดอาจารย์ชอบคืนหนึ่ง วันหลังท่านก็ยังบอกว่าเร็วอยู่ นั่นละ..ที่นี่

ท่านปิดประตูหมดเลยนะ ๖ โมงเย็น เราเข้าหาท่าน ๒ ต่อ ๒ เลย.. คุยธรรมะกัน ท่านปิดประตูหมด ไม่ให้ใครเข้าไป คุยกันตั้งแต่ ๖ โมงเย็นถึง ๒ ทุ่ม ท่านเล่าวิถีจิตของท่านละเอียด เพราะเรากราบเรียนท่านว่า
‘ยังไงท่านอาจารย์ ให้พูดเต็มเม็ดเต็มหน่วยไปเลยนะ กระผมจะฟังตามทุกระยะ ขัดข้องตรงไหน ๆ จะได้คุยกันสะดวก ๆ’


เพราะฉะนั้น ท่านถึงเปิดของท่านออกเรื่อย ๆ เราก็ฟังไป พอไปถึงจุดนั้นละทีนี้ จุดที่ว่ามันเหมือนหอกเหมือนหลาวทิ่มแทงท่าน ท่านโดดขึ้นมาจุดธูปอาราธนาเรา พอมาถึงจุดนี้มันเป็นอย่างนี้ ๆ ๆ นี้ละจุดสำคัญมาก อกผมจะแตก..ท่านว่าอย่างนั้น ท่านเล่าไป เล่าละเอียด พอท่านเล่าจบลงแล้ว.. เราก็ถวายธรรมท่าน พอถวายปั๊บนี้ ขึ้นดัง..โอ้ก เลยทันทีนะ..เมื่อถึงจุดสำคัญ...เหมือนกับหอกกับหลาวทิ่มนะ เหมือนกับว่าถอดหลาวออก ทีนี้ก็พุ่งเลย..รู้ช่อง

‘เออ ๆ ๆ มันต้องอย่างนี้ซิ ...’

มันสะดุดใจท่านมาก ‘เออ เอาละทีนี้ รู้ช่องแล้ว’ ทีนี้เปิดโล่งแล้วยังแต่จะเข้าเท่านั้น ท่านว่านะ มันต้องอย่างนี้ ๆ ขึ้นเลย ๒ ต่อ ๒ นะ เสียงสั่นเพราะอุทาน ท่านดีใจมาก พอท่านเล่าให้ฟังเราก็รู้นี่นะ พอเล่าไปถึงจุดนั้นปั๊บ เราก็ถวายธรรมท่านข้อนั้นปั๊บ.. ท่านก็เปิดโล่ง ท่านก็บอก เออ.. ทีนี้เปิดแล้ว ๆ ยังแต่จะก้าวเท่านั้นแหละ มันต้องอย่างนี้ ๆ อุ๊ย..เสียงสั่นเลยนะ ๒ ต่อ ๒ เท่านั้นนะ บทเวลาท่านขึ้นนี้เสียงสั่นเลย..นั่นละ ขั้นนั้นแล้วมันก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะท่านก็พูดเข้ากันได้แล้วกับปัญหาที่เราถวายท่าน เปิดแล้วว่างั้นเถอะ.. ท่านก็เข้าใจแล้วหมายถึงว่า เปิดโล่งแล้ว ยังเหลือแต่จะก้าวเข้าเท่านั้นแหละ ท่านบอก ‘เปิดโล่งแล้ว’ หมายความว่าท่านเข้าใจแล้ว ถ้าก้าวปุ๊บนี่เข้าเลย ความหมายก็ว่างั้น

จากนั้นท่านจึงเล่าให้ฟังว่า ท่านจุดธูปมานิมนต์เรา เราเลยตอบท่านว่า ‘ผมก็มาสะเปะสะปะ มาประสาบ้าของผมล่ะ’

‘เอาละ ประสาอะไรช่างเถอะนะ สด ๆ ร้อน ๆ นี้เอาละ’

ทีนี้พอคราวหลังนี้ไปเยี่ยมท่านอีก ก็มีคนมีญาติโยมติดตามไปด้วยอีก เราเลยต้องเขียนจดหมายย่อ ๆ เอา เขียนจดหมายย่อ คือพูดง่าย ๆ ว่า ปัญหาที่ถามนี้ ถ้าไม่รู้ถามไม่ได้ แล้วปัญหาที่จะตอบนี้ ถ้าไม่รู้ก็ตอบไม่ได้ ต้องเป็นภาคปฏิบัติเท่านั้น ปริยัติเอามาพูดไม่ได้เลย

เราก็ถามท่านย่อ ๆ ข้อที่ ๑ ว่าอย่างนั้น ๆ ข้อที่ ๒ ว่าอย่างนั้น ๆ เราก็ยื่นถวายท่าน พอท่านจับได้ ท่านอ่านด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส อ่านยิ้มเรื่อย ๆ ยกขึ้นแล้วยื่นมาให้เรา ท่านเขียนเสียก่อนนะ เขียนตอบเรียบร้อยแล้วยื่นมาให้เรา เราก็อ่าน พออ่านแล้วเราก็เขียนแล้วยื่นไปอีก ข้อที่ ๒ ท่านก็รับแบบเดิมนั่นละ แล้วท่านก็ยิ้มเลยเทียวนะ พอตอบข้อที่ ๒ เป็นอันว่าลงจุดแล้ว.. หมดปัญหาเรียบร้อยแล้ว

ตั้งแต่นั้นมาก็เลยไม่ได้คุยกันอีก เพราะตอนนั้นท่านหูหนวกแล้ว พูดกระซิบ ท่านกระซิบกับเรา เราได้ยิน ตอนนั้นหูเราไม่หนวก แต่เราจะไปกระซิบกับท่าน ท่านจะได้ยินยังไง ตกลงต้องเขียนยื่นให้ท่านตอบมา ตั้งแต่นั้นท่านบอกเป็นอันว่าหายสงสัยแล้ว มันก็เข้ากันได้แล้วกับปัญหาที่เราถามไป ถามว่ายังไง ๆ ท่านตอบตรงนั้นแล้ว ถึงท่านไม่บอกว่าหายสงสัย มันก็เข้าใจแล้ว เข้าใจไหมละ

ไม่นานนะ ท่านก็มรณภาพ ก็เรียกว่าเป็นอยู่กุฏิท่านนั่นแหละ ไม่เป็นที่ไหนเพราะตอนนั้นท่านไปไหนไม่ค่อยได้แล้วแหละ ท่านอยู่กุฏิท่านเท่านั้นเอง ส่วนที่นั่นที่นี่เราไม่อยากพูด เราแน่ใจที่กุฏิท่าน เพราะธรรมะนี่เป็นธรรมะที่จ่อเข้าแล้วเปิดโล่งแล้ว ยังเหลือแต่จะก้าวเข้าเท่านั้นเอง”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2020 เมื่อ 18:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
สุธรรม (01-08-2020)