ดูแบบคำตอบเดียว
  #68  
เก่า 12-09-2020, 10:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,327 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้อาตมากำลังไข้จับ..พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าธรรมดาสังขารเป็นรังของโรค สังขารัง โรคนิทธัง แต่ถ้าพวกเราไม่เห็นธรรมดา ถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะไปเครียด ไปกังวล

มีพระหลวงตาที่วัดท่าขนุนรูปหนึ่ง บวชมาเกิน ๒๐ พรรษาแล้ว อาตมาเป็นเจ้าภาพบวชให้เอง ทุกวันนี้เจ็บนิดป่วยหน่อยก็ต้องตะเกียกตะกายไปโรงพยาบาล ประมาณว่ามดกัดก็ต้องถึงมือหมอ..! นั่นคือลักษณะของการกลัวตายอย่างที่สุด อาตมาบอกท่านหลายครั้งแล้วว่า ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นผมจะตายก่อน เพราะว่าผมไม่กลัวตาย ส่วนหลวงตาจะตายทีหลังสุด เพราะว่าหลวงตากลัวตายที่สุด ก็คือคนกลัวจะหนีภัยจะหลบภัย หรือว่าเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะรักษาตัว แต่พูดไปเท่าไรท่านก็แก้ไขไม่ได้

พูดง่าย ๆ คือการปฏิบัติธรรมของท่านไม่ก้าวหน้าเพราะความกลัวตาย รักตัวเองมากจนเกินไป ในเมื่อยึดมั่นถือมั่นในอัตภาพร่างกายของตัวเอง ต่อให้ทำสมาธิดีแค่ไหนปัญญาก็ไม่เกิด เพราะว่าปัญญาจะต้องเกิดจนกระทั่งเห็นชัดเจนว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา สักแต่ว่าเป็นเครื่องให้เราอาศัยอยู่ชั่วคราวเพื่อประกอบกรรมความดีเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็ต้องเสื่อมสลายตายพังไป ถ้าเราสร้างคุณความดีไว้มากก็จะมีกายใหม่ที่ดี ๆ สร้างความดีไว้น้อย ก็จะมีกายใหม่ที่ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว แต่ถ้าหากว่าสร้างความดีถึงที่สุดก็พ้นไปไม่ต้องมามีร่างกายอีก..ไม่ว่าจะเป็นกายทิพย์หรือกายหยาบ”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2020 เมื่อ 12:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา