ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 09-04-2022, 22:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,448
ได้รับอนุโมทนา 4,406,282 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อบวชเข้ามาแล้ว จากการที่ได้ศึกษาพระธรรมวินัยมา จึงทำให้รู้ว่า ถ้าเรายังไม่ครบ ๕ พรรษา ก็ไม่ควรที่จะไปจากครูบาอาจารย์ เพราะว่าการไปจากครูบาอาจารย์ก่อนที่จะครบ ๕ พรรษานั้น พระวินัยเขาว่ายังไม่ได้นิสัยมุตตกะ คือยังไม่พ้นจากการปกครองของครูบาอาจารย์ ก็จะเกิดโทษในการไม่เอื้อเฟื้อพระวินัยขึ้นมาได้

ดังนั้น...ในช่วงระยะ ๓ - ๔ พรรษาแรก
กระผม/อาตมภาพจึงมีหน้าที่อยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือ ทำหน้าที่การงานตามที่ครูบาอาจาย์มอบหมายให้ อย่างที่สองก็คือ ทุ่มเทกับการปฏิบัติอย่างชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก..!

คำว่า เอาชีวิตเข้าแลกตรงนี้ก็คือไม่เลือกเวลา ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม ถ้าหากว่าตื่นอยู่ จะปฏิบัติธรรมตลอดเวลา จนกระทั่งระยะนั้นส่วนใหญ่แล้วคืนหนึ่งก็จะได้จำวัด คือนอนประมาณ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น แล้วก็ยังฉันมื้อเดียวอีกต่างหาก ไม่ต้องห่วงว่าบุคคลที่พบกระผม/อาตมภาพในสมัยนั้นกับสมัยนี้ ทุกคนจะทักว่าอ้วนขึ้น แต่คำว่าอ้วนขึ้นในที่นี้ ก็ยังผอมอยู่ในสายตาของคนทั่วไป เพียงแต่ว่ามีเนื้อมีหนังขึ้นมามากกว่าตอนนั้น

คราวนี้เมื่อศึกษานักธรรมจนกระทั่งจบนักธรรมชั้นเอก พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านก็บอกว่า "ความรู้ของแกพอคุ้มตัวได้แล้ว เรื่องของสมาธิสมาบัติต่าง ๆ ก็ฝึกซ้อมจนคล่องตัวแล้ว อนุญาตให้ออกธุดงค์ได้"

ในเมื่อท่านอนุญาตให้ออกธุดงค์ได้ ก็ดีใจว่าความสามารถของเราเพียงพอที่ครูบาอาจารย์ปล่อยให้ออกไปธุดงค์ก่อนที่จะครบ ๕ พรรษา เมื่อพระพี่พระน้องได้ยินว่าจะไปธุดงค์ คนโน้นก็ขอตาม คนนี้ก็ขอตาม ไม่ทราบเหมือนกันว่ากระผม/อาตมภาพมีอะไรดี ทำให้คนอื่นมักจะเห็นเป็นผู้นำอยู่เสมอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2022 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา