ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 25-11-2022, 22:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,164 ครั้ง ใน 34,070 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ธัมมะนิยามะตา คำจำกัดความของคำทั้งหลายเหล่านั้นคือ

สัพเพ สังขารา อะนิจจาติ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง คือเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลางและสลายไปในที่สุด

สัพเพ สังขารา ทุกขาติ สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ ก็คืออยู่เมื่อไรก็ต้องทน ไม่ทนทางกาย ก็ต้องทนทางใจ

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ธรรมทั้งหลายไม่สามารถยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวเป็นตนได้ ท้ายที่สุดก็เสื่อมสลายตายพังไปหมด

ตัง ตะถาคะโต อะภิสัมพุชฌะติ เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรลุขึ้นแล้ว ท่านใช้คำว่าพระตถาคตเจ้าบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว

อาจิกขะติ เทเสติ นำมาบอกกล่าว นำมาแสดง

ปัญญะเปติ ปัฏฐะเปติ นำมาบัญญัติ นำมาก่อตั้ง

วิวะระติ วิภะชะติ เอามาจำแนก เอามาแยกแยะ

อุตตานีกะโรติ ทำของลึกให้ตื้น คือทำของยากให้ง่ายขึ้น

ในเมื่อพระองค์ท่านจัดเป็นหมวดหมู่แยกแยะออกมาแล้ว กรรมฐานจึงมี ๒ อย่าง เรียกว่าสมถกรรมฐาน ๑ กับ วิปัสสนากรรมฐาน ๑

สมถกรรมฐานเป็นเครื่องระงับจิตใจของเราให้สงบลง ควรแก่การใช้งาน แต่ว่าอันตรายมาก..! เพราะว่าถ้าใช้ผิดแม้แต่นิดเดียวจะกลายเป็นมิจฉาสมาธิ ก่อให้เกิดโทษได้มากกว่าประโยชน์ วิปัสสนากรรมฐานเป็นเครื่องช่วยให้เราเกิดปัญญา รู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริงของโลกนี้ ทำให้คลายความยึดมั่นถือมั่นออกไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-11-2022 เมื่อ 01:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา