ถ้าหากว่าท่านสังเกต ๒ ครั้งที่ผ่านมา ที่ทางมหาจุฬาอาศรมนิมนต์ผมไปบรรยายธรรม ผมจะบรรยายในลักษณะที่ปฏิบัติสายไหนก็ฟังได้ ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายธรรมในหัวข้อ "การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน" หรือว่าการบรรยายธรรมหัวข้อ "อาหารใจ" ที่ผ่านมา และคาดว่ายังคงจะมีอีกหลายหัวข้อตามมา
ในเมื่อของเราเองเข้าใจว่า กรรมฐานทุกสายล้วนแล้วแต่มาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแสดงไว้ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ สำหรับบุคคลที่มีจริตต่าง ๆ กันไป ความชอบต่างกันไป ความเคยชินต่างกันไป ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะมีมากมายถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ไปทำอะไร ?
แต่กระนั้นก็ยังมี..โดยเฉพาะท่านที่ศึกษาในสายวิปัสสนาภาวนามา ไม่ว่าจะระดับปริญญาตรีที่มาทีหลัง หรือระดับปริญญาโทที่มาก่อนเพื่อน แล้วก็ระดับปริญญาเอก มักจะไปแปลมหาสติปัฏฐานสูตรเข้าข้างตัวเองแบบผิด ๆ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
เอกายโน อะยัง ภิกขเว มัคโค สัตตานัง วิสุทธิยา ดูก่อน..ภิกษุทั้งหลาย นี่เป็น "ทางสายหนึ่ง" ที่จะนำสัตว์ทั้งหลายก้าวไปสู่ความบริสุทธิ์
โสกะปริเทวานัง สะมะติกกะมายะ ข้ามซึ่งความเศร้าโศกร่ำไรทั้งปวง
ทุกขะโทมะนัสสานัง อัตถังคะมายะ กระทำให้ความทุกข์และโทมนัสตกล่วงไป
ญายัสสะ อะธิคะมายะ ย่อมทำให้ธรรมทั้งหลายเจริญขึ้น
จัตตาโร สติปัฏฐานา นั่นคือสติปัฏฐานทั้ง ๔
กะตะมา จัตตาโร ? สี่อย่างนั้นคืออะไร ?
แล้วท่านก็ไล่ไป กายานุปัสสนาฯ เวทนานุปัสสนาฯ จิตตานุปัสสนาฯ ไปจนถึง ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-10-2021 เมื่อ 22:51
|