ดังนั้น..ถ้าหากว่าเขาจะขอให้เราให้ปากคำ ก็ให้ปากคำในลักษณะที่ว่า "เพื่อกำหนดความผิดของผู้รับจ้าง ไม่ใช่จะมากำหนดความผิดของเราที่เป็นผู้ว่าจ้าง" ถ้าหากว่าคุณให้เกียรติหน่อย แสดงบัตรมา กระผม/อาตมภาพก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล เพราะว่าเขาขอบัตรประชาชนก็ให้เขา เขาถ่ายเอกสารมา ขอให้เซ็นรับรองก็เซ็นให้ เขาขอเอกสารว่าจ้างก็ส่งให้เขา แล้วคุณจะมาอ้างว่า เราไม่ให้ความร่วมมือ ย่อมไม่ใช่
เรื่องนี้ทางคุณต่างหากที่ไม่ให้ความร่วมมือกับทางวัด มีความลับอะไรหนักหนา ถึงไม่สามารถที่จะแสดงตัวตนได้ ? หรือกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่า "ใครเป็นคนมาข่มขู่คุกคามพระสงฆ์" เรื่องพวกนี้เราสามารถที่จะคิดได้ทุกอย่าง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ "ถ้าอย่างนั้นก็จบแค่นี้ คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ แต่เราไม่เจรจาด้วย ขึ้นชื่อว่าการให้ปากคำก็เลยไม่มี"
ท่านทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ สามเณร แม่ชี หรือว่าฆราวาส ถ้าหากว่าสมาธิมั่นคง ก็จะไม่มีอะไรทำให้เราหวั่นไหวได้ โดยเฉพาะถ้ารู้จักพิจารณาไปจนถึงที่สุดของความตาย ท่านทั้งหลายถ้าเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ก็จะเลิกกลัวทุกอย่าง เพราะว่าความกลัวทุกอย่างเกิดจากความกลัวตายทั้งหมด..!
ในเมื่อกำลังใจมั่นคง ไม่มีความกลัว ท่านจะไปไหนก็ไปเถอะ อยู่กลางดงเสือดงช้าง เสือช้างก็ทำอะไรไม่ได้หรอก โดยเฉพาะถ้าหากว่าเรามั่นใจว่าคุณพระพุทธเจ้ามีอยู่ในทุกที่ ไม่ว่าจะที่ไหน พระองค์ท่านก็คุ้มครองเราได้
จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายควรจะสังวรไว้เป็นตัวอย่างว่า เราควรที่จะเร่งรัดการปฏิบัติให้มากกว่านี้ เมื่อถึงเวลาเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ จะได้สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่โดนเขาข่มขู่คุกคามหน่อย ท่านทั้งหลายก็หมดสภาพเสียแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เสียทีที่ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2024 เมื่อ 02:32
|