ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-11-2021, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,451
ได้รับอนุโมทนา 4,406,245 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ งานใหญ่งานสำคัญของวัดท่าขนุน ก็คือการหล่อพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรทรงเครื่อง ทั้งเนื้อเงินและเนื้อทองคำได้สำเร็จลงด้วยดี

ขณะเดียวกันหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น ก็ต้องบอกว่าเป็นความเมตตาของพระ ของพรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ที่ท่านสงเคราะห์ให้ แล้วก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่กระผม/อาตมภาพเห็นคนรังแกเทวดาได้..!

ก็อย่างที่บอกว่า ท้าวมหาราชพร้อมกับบริวารของท่าน มารักษาบริเวณมณฑลพิธีตั้งแต่วันก่อน โดยเฉพาะท่านท้าววิรุฬหกมหาราชยืนอยู่ตรงหน้าป้ายวัดท่าขนุน พวกท่านก็ตั้งเก้าอี้เพิ่มทีละ ๒ ตัว ๓ ตัว ท่านก็ต้องถอยไปเรื่อย ท้ายสุดไปอยู่หลังหลวงพ่อพระพุทธลีลา ๘๔ พรรษาธรรมิกราช (หลวงพ่อหินเขียว) มีบางคนอาจจะสงสัยว่าแล้วทำไมเป็นเทวดาไม่รู้จักขึ้นไปอยู่บนอากาศ ? ก็เพราะว่าถ้าขึ้นไปเมื่อไรก็จะอยู่สูงกว่าพระ เพราะฉะนั้น...ถ้าพวกเรามีมากกว่านั้น ท่านก็คงต้องถอยไกลออกไปอีก ยังดีที่ไม่ได้มากไปกว่านั้น

ส่วนหลายท่านที่ถ่ายรูปแล้ว ได้ภาพปาฏิหาริย์มา ให้เก็บเอาไว้เป็นกำลังใจของตน เพราะว่าเรื่องพวกนี้กระผม/อาตมภาพพูดไป ถ้าหากว่าไม่มีบุคคลที่ได้ทิพจักขุญาณช่วยยืนยัน ก็กลายเป็นว่าสักแต่พูดไปเปล่า ๆ แต่ว่าเครื่องมือเครื่องไม้สมัยนี้ดีขึ้นมาก และอาจจะเป็นไปได้ว่า เป็นเพราะพระ หรือพรหม หรือเทวดา ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ท่านเมตตาสงเคราะห์ ก็เลยถ่ายติดมา

โดยเฉพาะฉัพพรรณรังสีที่คลุมมณฑลพิธีอยู่ จนกระทั่งพวกเราเก็บเสร็จแล้วถึงได้ถอนกลับไป กระผม/อาตมภาพได้เตือนทุกท่านตั้งแต่เช้ามืดว่า จะทำความสะอาดหรือจะทำอะไรบริเวณนั้น ก็อย่าได้เอะอะโวยวาย หรือทำอะไรโฉ่งฉ่าง ขาดความเคารพ เพราะว่าพระท่านเสด็จตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

จะว่าไปแล้วเรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายตั้งใจฝึกปฏิบัติกันจริง ๆ กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวไว้แล้วว่า เรื่องของทิพจักขุญาณนั้นเป็นแค่ของแถมในการปฏิบัติเท่านั้น และแถมมาแล้วก็มักจะจัดการไม่ถูก สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก

ที่กระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "ของแถมในการปฏิบัติ" ก็เพราะว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ตาม ถ้าวิสัยเดิมมาทางด้านวิชชาสาม อภิญญาหก หรือปฏิสัมภิทาญาณสี่ ถ้าจิตสงบลงได้ระดับเมื่อไร ทิพจักขุญาณจะเกิดขึ้นเอง ไม่ต้องไปดิ้นไปรน ดังที่เคยเปรียบเทียบไว้ว่า ซื้อรถเมื่อไรก็ได้ล้อมาด้วย ไม่มีใครที่ซื้อรถแล้วต้องตะเกียกตะกายไปหาล้อเพิ่มขึ้น แต่ด้วยความที่ท่านทั้งหลายนั้น ต้องบอกว่าสติปัญญาน้อย จึงจัดการกับทิพจักขุญาณไม่ค่อยจะถูก

แม้กระทั่งลูกศิษย์รุ่นเก่า ๆ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เท่าที่กระผม/อาตมภาพสัมผัสมาด้วยตัวเอง ก็นำเอาทิพจักขุญาณไปใช้ผิดเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านมั่นใจว่าลูกศิษย์ของท่านฉลาดพอ ท่านถึงได้สอนมโนมยิทธิให้ แต่ปรากฏว่าที่ฉลาดพอนั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็ออกทะเล กู่ไม่กลับ เพราะเมื่อเกิดทิพจักขุญาณขึ้นแล้ว ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ต่าง ๆ จะตามมาด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2021 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา