คราวนี้ในส่วนของกุศลกรรมและอกุศลกรรม คือความดีและความชั่วที่เข้ามาสนอง ถ้าเราไม่ฉวยโอกาสเอาไว้ กว่าที่กุศลกรรมจะวนมาอีกรอบหนึ่ง เป็นเวลาที่ยาวสั้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับท่านทั้งหลายว่าสร้างความดีความชั่วเอาไว้บ่อยแค่ไหน
ถ้าสร้างความชั่วไว้บ่อย ความชั่วก็จะตอบสนองไปเรื่อย ๆ โอกาสที่ความดีจะสอดแทรกเข้ามาก็ต้องรอวาระ ซึ่งจะเนิ่นนานเป็นพิเศษ เพราะว่าสร้างความดีไว้น้อย แต่เมื่อถึงวาระที่ความดีเข้ามา แทนที่จะรีบกอบโกย รีบสร้างความดีให้มากไว้ ส่วนใหญ่กลับอยู่ในลักษณะ "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง" พอวาระของความดีเลยไปแล้ว ต้องรอรอบใหม่ ซึ่งไม่รู้อีกนานเท่าไร ก็จะมาสงสัยว่าทำไมก่อนหน้านี้ เราต้องการไปพระนิพพานเป็นอย่างยิ่ง แต่ปัจจุบันนี้กลับไม่มีความต้องการเช่นนั้นอีก
เรื่องของวาระพวกนี้ ต้องบอกว่าหลายคนกลายเป็นคนใช้โอกาสที่เปลืองมาก อย่างเช่นว่าการกระทำคุณงามความดี ไม่ว่าจะเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ในสภาพของความเป็นพระภิกษุสามเณร ทำแล้วมีอานิสงส์มากกว่าญาติโยมเป็นแสนเท่า เพราะว่าลงทุนด้วยจำนวนที่มากกว่า ก็คือโยมลงทุนด้วยศีล ๕ ข้อ พระภิกษุของเราลงทุนด้วยศีล ๒๒๗ ข้อ ถ้าหากว่านับเป็นจำนวนเงิน ก็ประมาณว่าโยมลงทุนไป ๕ ล้านบาท ส่วนพระลงทุนไป ๒๒๗ ล้านบาท ถ้าหากว่าการลงทุนนั้นได้กำไร ใครที่ควรจะได้มากกว่ากัน ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2021 เมื่อ 02:49
|