ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 05-11-2021, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,293 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ต้องเข้าใจนะครับว่านั่น ๕ ทุ่มกว่าแล้ว เวลาอยู่ในป่านั้นมืดขนาดไหน แล้วทำไมกระผม/อาตมภาพเห็นอย่างชัดเจนว่านั่นคือพระธุดงค์ ? หน้าตาเป็นอย่างไร นุ่งห่มผ้าสีอะไรก็รู้ แต่พอส่องไฟขึ้นมา กลายเป็นเงาของตัวเองไป แล้วก็ไม่ได้กลัวเลย แค่รู้สึกว่า "อ้อ...เราโดนผีหลอก" แล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่เคยกลัวอะไรประเภทนี้อีกเลย เพราะว่ารักษากำลังใจอยู่กับตัว ไม่ได้ไปฟุ้งซ่านในเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง อื่น ๆ เกิดอะไรขึ้นจึงกลายเป็นคนตายด้าน ก็คือไม่ตกใจอะไร

บางทีรถชนโครมพังเป็นแถบ ตัวเองก็ยังเฉย ๆ ออกจากรถไปได้ ก็ไปดูคู่กรณีก่อนว่าเขาเองได้รับบาดเจ็บ หรือว่าล้มตายอย่างไรหรือเปล่า หรือบางทีก็รถไปหมุนเป็นลูกข่าง อยู่ห่างจากขอบเหวคืบเดียว กำลังใจก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพียงแต่มองดูว่าจะแก้ไขเหตุการณ์อย่างไรให้ดีที่สุด

ตรงจุดนี้พวกท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่าทำถึงจะเข้าใจว่า กำลังใจของเรานั้น ถ้าอยู่กับตัวจริง ๆ จะไม่ตกใจอะไรง่าย ๆ ต่อให้ฟ้าผ่าลงมาข้างหูอย่างกะทันหัน ก็ไม่ได้ตกใจ เหตุที่เราตกใจ เพราะว่าส่งกำลังใจออกนอกไปคิดเรื่องอื่น เพลิดเพลินกับเรื่องอื่นอยู่ พอเกิดเหตุอะไรขึ้น ใจวิ่งกลับเข้าตัวมา เพื่อรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น การวิ่งกลับมาเร็วจนเกินไป ก็คืออาการที่พวกเรารู้สึกว่าตกใจ

ก็แปลว่า ถ้าหากว่าเราเป็นนักปฏิบัติไปจนถึงระดับหนึ่ง สามารถรักษากำลังใจให้อยู่กับตัวเองได้ ความตกใจต่าง ๆ จะน้อยลงหรือไม่มีเลย เกิดเหตุอะไรฉุกเฉินขึ้นมา สติ สมาธิจะพร้อมมูล มองหาทางที่จะแก้ไขเหตุการณ์นั้นให้ออกมาให้ดีที่สุดเท่านั้น ก็เลยบอกไม่ถูกว่า จากเด็กที่กลัวผีอย่างชนิดที่ไม่กล้าออกไปฉี่นอกบ้าน มาหายกลัวเอาตั้งแต่ตอนไหน เนื่องเพราะว่ายืนประจันหน้ากับผีอยู่กลางป่า เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นผีพระธุดงค์ ก็ไม่ได้นึกกลัว ความรู้สึกเฉย ๆ แค่ว่า "อ้อ..เราโดนผีหลอก..!"

ดังนั้น...ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่าเราค่อย ๆ ทำไป ๆ ความดีในศีล ในสมาธิ ในปัญญาของเราค่อย ๆ สั่งสมตัวไป จนถึงระดับเพียงพอที่จะใช้งาน เหตุการณ์ที่กล่าวถึงพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2021 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา