ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 18-10-2021, 01:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น...ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาในมหาสติปัฏฐานสูตร กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่ามีหลายสูตรมาก แต่เนื้อหาเหมือน ๆ กันนะครับ ก็คือมี มหาสติปัฏฐานสูตรในมัชฌิมนิกาย มหาสติปัฏฐานสูตรในทีฆนิกาย มหาสติปัฏฐานสูตรในวิสุทธิมรรค ก็คือแค่ย่อกับขยายเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง

เมื่อท่านศึกษา จะเห็นว่าในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือการที่พยายามทำให้รู้แจ้งถึงกายของเรา เราจะจับติดแค่ช่วงนี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอานาปานปัพพะ การจับลมหายใจเข้าออก อิริยาปถปัพพะ การจับอาการเคลื่อนไหวของอิริยาบถใหญ่ อิริยาบถย่อย สัมปชัญญปัพพะ การกำหนดความรู้ตัว จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน รู้อยู่เสมอ นวสีวถิกาปัพพะ การกำหนดถึงร่างกายนี้เหมือนซากศพ หลายอย่างด้วยกัน

แต่พอเริ่มเข้าเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เราเริ่มไปไม่เป็นแล้ว ไม่ต้องไปพูดถึงจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน หรือธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็เพราะว่าเรา "โหนไม่ถึง" พื้นฐานของเราไม่ดีพอเท่าชาวแคว้นกุรุ

ดังนั้น...ในการปฏิบัติสายมหาสติปัฏฐานสูตร หรือปัจจุบันนี้เขาเรียกว่าพองยุบ เป็นการปฏิบัติที่ต้องบอกว่า "ตะแบงข้างไป" ก็คือพยายามจะพูดให้ใช่ แต่ความจริงแล้วยังไม่ใช่ ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพมาบอกกล่าวความจริง ไม่ได้มานั่งเถียงกับใคร เนื่องเพราะว่ามหาสติปัฏฐานสูตรทุกบรรพ ก็คือทุกตอน ถ้าใครปฏิบัติถึง บรรลุมรรคผลได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติทั้งหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-10-2021 เมื่อ 22:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา