ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 31-05-2021, 00:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ มีคำถามของทิดกวาง (นายกำพร พิเชฐสกุล) ที่เป็นพี่เลี้ยงคอยซักซ้อมนาคให้กับวัดท่าขนุนของพวกเรามาหลายปี แต่คราวนี้ดูจากคำถามแล้ว ต้องบอกว่าศึกษาตำรามากจนเกินไปเลยสับสน ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

คำถามมีอยู่ว่า สมุทัยคือเหตุแห่งการเกิดทุกข์ มีตัณหา ๓ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ตัณหา ๓ นี้มีความสัมพันธ์และเกี่ยวโยงอย่างไรกับราคะ ลาภะ โทสะ โมหะ และสังโยชน์ ๑๐ ? จะว่าไปแล้วแค่ตัวเดียวก็สามารถอธิบายได้ ๑๐ วัน ครึ่งเดือนแล้ว

เราต้องเข้าใจก่อน คำว่า ตัณหา เป็นคำรวม แปลว่า ความอยาก ความอยากเป็นสาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง ไม่ว่าจะอยากในด้านดีหรือว่าไม่ดีก็ตาม

แต่คราวนี้ในส่วนของกามตัณหา ก็คือ ความอยากในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และธรรมารมณ์ทั่ว ๆ ไป
ภวตัณหา เมื่อได้สมกับความอยากแล้ว ก็ไม่อยากที่จะเสียไป
วิภวตัณหา สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงไป คำว่า ไม่อยาก ในที่นี้ก็คือ ความอยาก อย่างเช่นว่า ไม่อยากแก่ คือ อยากจะไม่แก่ ไม่อยากตาย คือ อยากจะไม่ตาย เป็นต้น

กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ล้วนแล้วแต่เป็นราคะ โลภะ คำว่าราคะตัวนี้ก็คือความยินดี ในเมื่อยินดีใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็เกิดโลภะ คืออยากมีอยากได้ ถ้าหากว่าไม่ได้อย่างที่ตนเองอยาก ก็จะเกิดโทสะ ถ้าเกิดแบบเบา ๆ เรียกว่าปฏิฆะ คือการกระทบกระทั่ง แต่ถ้าเกิดมากก็เป็นโทสะ คือ ความโกรธ พูดง่าย ๆ คือโกรธเพราะไม่ได้ดังใจ

ทั้งกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหานั้นเกิดเพราะโมหะ คือความโง่ หลงผิด คิดว่าสิ่งเหล่านี้คือของดี จึงไปยึดถือ ก็เลยเป็นสาเหตุให้เกิดสังโยชน์ คือเครื่องร้อยรัดตัวเราให้ติดอยู่ในวัฏสงสาร โดยเฉพาะสังโยชน์ตัวสุดท้ายคืออวิชชา คำว่า อวิชชานี้่ ถ้าแปลตามศัพท์ก็แปลว่าไม่รู้ แต่ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่า หลวงปู่โต วัดระฆัง ช่วยแปลให้ว่า รู้ไม่หมด รู้ไม่ครบถ้วน

อวิชชานี้แยกออกเป็น ๒ ศัพท์ ก็คือ ราคะ เกิดความยินดีขึ้นมา จึงเกิดโลภะ คือความอยากมีอยากได้ ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อะไรก็ตาม ถ้าเรายินดีเมื่อไร ก็อยากมีอยากได้เมื่อนั้น เมื่อไม่ได้สมดังใจก็เกิดโทสะ ทั้งหมดนี้มีโมหะ ก็คือความเขลา ไม่รู้จริง เป็นต้นเหตุ อธิบายมากแล้วปวดหัว เอาเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-05-2021 เมื่อ 00:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา