ดูแบบคำตอบเดียว
  #15  
เก่า 30-12-2009, 20:48
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,225 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

เสือเย็นผู้หฤโหดหายไปไหนเสียก็ไม่รู้ หลังจากโถมกระโจนเข้าตะครุบพลาดเป้าหมาย เหมือนพญาเสือร้ายอันตรธานกลายเป็นอากาศธาตุ

สามเณรกองแก้วเมื่อมีสติกลับคืนมาครบถ้วนบริบูรณ์ ลุกขึ้นยืนมองไปรอบบริเวณป่า ไม่เห็นแม้แต่เงาของเสือตัวเท่าควายเปลี่ยว คงพบแต่รอยตีนเหยียบย่ำไปมาอยู่ในละแวกนั้น คะเนจากขนาดรอยตีน ต้องเป็นเสือตัวเดียวกับที่มาเดินวนเวียนอยู่แถวโคนไม้ที่อาศัยนั่งบำเพ็ญภาวนา

เมื่อจิตค่อยคลายจากความประหวั่นตบะจ้าวป่า ซึ่งมีอำนาจเหนือสรรพชีวิตในไพรกว้าง สามเณรน้อยได้ข้อคิดพิจารณาว่า "สติ" คือสิ่งสำคัญยิ่งของมนุษย์
ยามคับขันมนุษย์ส่วนใหญ่จะขาดสิ่งสำคัญยิ่งยวดคือ "สติ"
เพราะมีแต่สติเท่านั้นที่จะควบคุมจิตให้แน่วนิ่ง ไม่พรั่นพรึงต่อสรรพอันตรายใดๆ เนื่องจากจิตเองเมื่อยังไม่บรรลุถึงสัจธรรมขั้นสูง ย่อมหวั่นไหวไปมาตามสภาพจิตอันขาดที่พึ่ง

การนอนตายอย่างสงบอยู่บนเตียงในบ้าน การโดนเสือฉีกกระชากเนื้อหนังกินเป็นภักษาหาร คือ "ตาย" เสมอเหมือนอันเดียวกัน ไม่มีแบ่งแยก ถ้ายอมตายโดยแน่วแน่ว่า จิตเบื่อหน่ายเรือนร่างอันเป็นรังของกิเลส ย่อมมีทางไปเบื้องหน้าอันประเสริฐ

สามเณรน้อยตริตรองพระสัทธรรมในนาทีอันคับขันปานชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเปื่อยขาด ปลงตกเด็ดเดี่ยวคือเป็นฝ่ายเที่ยวเดินตามหาเสือร้าย ถ้ากลัวเสือจะเดินจาริกธุดงค์ต่อไปกระไรได้

จากลำห้วยแห่งนั้น
สามเณรกองแก้วแกะรอยตีนเสือลายพาดกลอนไปเรื่อย ๆ รอยตีนขนาดเท่าจานข้าว สามารถเห็นถนัดชัดเจน จึงก้าวเดินไปตามรอยบุ๋มที่พื้นดินอันเป็นรอยตีนเสือ เดินตามวกไปวนมาสักพักใหญ่ ปรากฏว่ารอยวกกลับมายังโคนไม้ใหญ่ต้นเดียวกับที่สามเณรน้อยอาศัยนั่งบำเพ็ญเพียรเมื่อคืนก่อน

ที่โคนไม้มีสีเหลืองสว่างวาบ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 31-12-2009 เมื่อ 21:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา