ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 22-11-2009, 07:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,572 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นอกจากจะทบทวนในเรื่องของศีลแล้ว ยังต้องคอยดูเสมอว่า ในขณะปฏิบัตินั้น นิวรณ์กินใจของเราได้หรือไม่ ? ถ้าหากว่ายังมีความต้องการในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศก็ดี ยังมีความโกรธเกลียด อาฆาตพยาบาทก็ดี ยังมีความง่วงเหงาหาวนอนในการปฏิบัติก็ดี มีความฟุ้งซ่าน หงุดหงิดรำคาญใจก็ดี ท้ายที่สุด ลังเลไม่มั่นใจในผลการปฏิบัติก็ดี ถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้สิงใจของเราอยู่ แสดงว่าเรามีกำลังใจที่ปราศจากคุณภาพ ปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีท่วมทับจิตใจอยู่ ให้รีบขับไล่ออกไป กลับมาอยู่กับองค์ภาวนา กลับมาอยู่กับภาพพระของเรา ถ้าอารมณ์ใจทรงตัว นิวรณ์ทั้งหลายก็จะไม่สามารถกินใจเราได้

สภาพจิตของเรานั้น มีทั้งต้องการความสงบ และต้องการการพิจารณา ถ้าภาวนาแล้วมันสงบ ไม่อยากคลายออกมา เราก็กำหนดรู้ไปว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าภาวนาไปแล้วไปถึงจุดตัน ไม่สามารถที่จะไปให้สูงกว่านั้นได้ เมื่อจิตคลายออกมา ถ้าไม่เร่งหาเรื่องของวิปัสสนาญาณให้พิจารณา มันก็จะฟุ้งซ่านไปในเรื่องของรัก โลภ โกรธ หลง เป็นต้น ดังนั้นการปฏิบัติไม่ใช่ปฏิบัติเฉย ๆ อย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาในเรื่องของศีล ในเรื่องของนิวรณ์ ตลอดจนพิจารณาในเรื่องของวิปัสสนาไปด้วย การปฏิบัติจึงจะก้าวหน้าไปได้

ลำดับต่อไปนี้ ให้พวกเรากำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้ามีคำภาวนาอยู่ ให้ใช้คำภาวนาควบคู่ไปด้วย ถ้าไม่มีคำภาวนา ให้กำหนดไหลตามลมหายใจเข้า ไหลตามลมหายใจออก เอาใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจของเราอย่างเดียว จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2009 เมื่อ 15:20
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา