พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ที่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญูรู้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจริงหรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร จริง แต่ความรู้นั้น ๆ หาได้มีแนบพระหฤทัยอยู่ทุกขณะไม่ จะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงนึกเสียก่อน
ม. ถ้าอย่างนั้น พระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่สัพพัญญู เพราะถ้าเป็นสัพพัญญูจริง พระองค์ก็ไม่ต้องนึกไว้ก่อน
น. อาตมาขอเปรียบถวาย หากต้นไม้ต้นหนึ่งมีผลเต็มต้น แต่ผลนั้นยังไม่ร่วงเลยสักผลเดียว จะว่าไม้ต้นนั้นมีผลน้อยหรือไม่มีผลได้หรือไม่
ม. ไม่ได้สิพระคุณเจ้า
น. หรือเปรียบเหมือนเจ้าของบ้านผู้มีทรัพย์ สมบัติบริบูรณ์ เมื่อแขกมาถึงบ้านหลังเวลาอาหาร ย่อมจัดหาอาหารมาเลี้ยงแขกไม่ได้ในทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้จะว่าผู้นั้นไม่มีสมบัติบริบูรณ์จริงได้หรือไม่
ม. ไม่ได้ อย่าว่าแต่ผู้มีฐานะเลย แม้แต่ในพระราชวังของพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังต้องเป็นเช่นนั้น
น. ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
คือ พระองค์ย่อมมีความรู้บริบูรณ์ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ว่าความรู้นั้น ๆ หาได้ประจำอยู่กับพระหฤทัยทุกขณะไม่
ต่อเมื่อพระองค์ได้ทรงหยั่งพระหฤทัยส่องลงไปยังเรื่องใด จึงจะทรงรู้เห็นเรื่องนั้นได้ตลอด
ที่พระองค์ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ก็เพราะเมื่อยังทรงพระเยาว์ ได้ทรงศึกษาศิลปวิทยามามากอย่าง
และได้ทรงศึกษาเรื่อยมาจนจับหลักความจริงของสภาพทั้งหลายได้ ความรู้หลักความจริงนั้นทำให้พระหฤทัยของพระองค์มีความผ่องใสเป็นปกติอยู่ทุกขณะ
เพราะฉะนั้น เมื่อทรงฉายพระหฤทัยส่องไปยังเรื่องใด จึงทรงรู้ทรงเห็นเรื่องนั้นได้ชัดเจนพร้อมทั้งเหตุผล
ด้วยเหตุดังกล่าว พระพุทธเจ้าจึงเป็นสัพพัญญูรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง (สัพพัญญูปัญหา)
ม. พระคุณเจ้าฉลาดว่า
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 11-05-2009 เมื่อ 21:42
เหตุผล: แก้การเว้นวรรคไม้ยมกบางจุด
|