คราวนี้ถ้าหากว่าเป็นความสมานฉันท์นั้น ศาสนิกชนของทุก ๆ ศาสนา ไม่จำกัดแค่ศาสนาพุทธ คริสต์ หรือว่าอิสลาม ก็ล้วนแล้วแต่สามารถนำเอาหลักศีล ๕ ของพระพุทธศาสนาไปใช้งานได้ เพราะว่าหลักศีล ๕ นี้ไม่ใช่หลักการของพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่เป็นหลักความปรารถนาของสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ก็คือ
ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาฆ่าเรา มาทำร้ายเรา เราก็ไม่ควรที่จะไปฆ่าใคร หรือว่าทำร้ายใคร
ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาลักขโมย หยิบฉวยช่วงชิงสิ่งของของเรา เราก็ไม่ควรที่จะไปลักขโมย หยิบฉวยช่วงชิงสิ่งของของคนอื่น
ไม่มีใครอยากให้เขามาแย่งชิงคนที่ตัวเองรัก ของที่ตัวเองรัก เราก็ไม่ควรที่จะไปแย่งชิงคนรัก หรือว่าของรักของคนอื่น
ทุกคนล้วนแล้วแต่ปรารถนาที่จะฟังความสัตย์ ความจริง ไม่ต้องการให้ใครมาโกหกหลอกลวง เราก็ไม่ควรที่จะไปโกหกหลอกลวงคนอื่น
ทุกคนอยากจะมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นว่าเราบ้า ๆ บอ ๆ ขาดความน่าเชื่อถือ เราก็ควรที่จะงดเว้นจากการดื่มสุราและเสพยาเสพติด พร้อมทั้งไม่พยายามที่จะทำให้คนอื่นต้องมาดื่มสุราหรือว่าติดยาเสพติด เป็นต้น
แค่หลักศีล ๕ ทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าศาสนิกชนของทุกศาสนาสามารถที่จะประพฤติปฏิบัติได้ เราก็จะงดเว้นการเบียดเบียนทางกายและทางวาจาได้ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะตีกรอบกาย วาจาของเราให้เรียบร้อย เมื่อไม่มีการเบียดเบียนกันระหว่างกายและวาจา ความสมานฉันท์ ปรองดองก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย
ในขณะเดียวกัน ความปรองดองสมานฉันท์นั้น ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้เฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องเกิดขึ้นจากความจริงใจของทุกฝ่าย ที่จะแสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง พยายามที่จะลดหลักการต่าง ๆ ที่เรายึดมั่นถือมั่นเอาไว้จนทำให้การสมานฉันท์ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2022 เมื่อ 03:04
|