ดูแบบคำตอบเดียว
  #93  
เก่า 18-09-2014, 08:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,634
ได้ให้อนุโมทนา: 151,878
ได้รับอนุโมทนา 4,414,134 ครั้ง ใน 34,224 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว อย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยว่าไว้ก็คือ “เป็นพระ จะไม่รู้ไม่ได้” เพราะว่าพระนั้นศีลจะขาดก็ต่อเมื่อ

๑. ต้องโดยไม่รู้ (อ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ บวชเข้าไปแปลว่าต้องรู้ว่าพระมีศีลอะไรบ้าง เขาถึงให้ไปเป็นนาคก่อน)
๒. ต้องโดยไม่ละอาย (นี่ก็คือรู้แล้วแต่ฝ่าฝืนไปทำ เรียกว่าพวกหน้าด้าน)
๓.
ต้องโดยสงสัยแล้วขืนทำ (ไม่แน่ใจแล้วไปทำ ต่อให้ทำถูกก็โดนปรับอาบัติ ศีลขาด)
๔. ต้องโดยสำคัญว่าควรในของที่ไม่ควร
๕. ต้องโดยสำคัญว่าไม่ควรในของที่ควร
๖.
ต้องโดยลืมสติ

เรื่องของพระเราโอกาสที่จะแก้ตัวก็นั้นไม่มี จะอ้างว่าไม่รู้ก็ไม่ได้ อ้างว่าขาดสติก็ไม่ได้ อ้างว่าเข้าใจผิดก็ไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านปรับไว้ทุกรูปแบบ จำเป็นที่จะต้องศึกษาให้ชัดเจนก่อนแล้วถึงบวช ไม่อย่างนั้นบวชเข้าไปพระอุปัชฌาย์อาจารย์ต้องรีบชี้แจงให้ชัดเจนก่อน

อย่างของวัดท่าขนุน จะมีการชี้แจงในเรื่องของอาบัติที่โทษหนักและล่อแหลมคือ ปาราชิก ๔ และสังฆาทิเสส ๑๓ ไว้ชัดเจนมาก ถึงเวลาแล้วศีล ๑๗ ข้อนี้คุณต้องรู้ อ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ อาบัติอื่นสามารถแก้ไขแสดงคืนต่อหน้าคณะสงฆ์ได้ แต่อาบัติสองอย่างนี้ ปาราชิก ๔ ข้อ ถ้าโดนแล้วขาดจากความเป็นพระไปเลย แก้ไขไม่ได้ ส่วนสังฆาทิเสส โดนแล้วขาดความเป็นพระชั่วคราว จนกว่าจะได้รับโทษตามที่กำหนดไว้ แล้วให้คณะสงฆ์อย่างน้อย ๒๐ รูปสวดคืนความเป็นพระให้ ถึงจะกลับเป็นพระอีกครั้งหนึ่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2014 เมื่อ 14:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา