ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 15-09-2022, 23:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพเผลอคุกเข่าเพื่อที่จะเทน้ำใส่กาน้ำร้อน จะได้ต้มน้ำร้อนเอาไว้ฉัน ที่ใช้คำว่าเผลอคุกเข่า ก็เพราะว่าตั้งแต่เล็บหัวแม่เท้าหลุดมา ทำให้ไม่สามารถที่จะคุกเข่าได้ เนื่องจากว่าจะเจ็บมากเป็นพิเศษ จนกระทั่งโดนท่านเจ้าคุณหลวงตา (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) "แซว" เอาว่า ตอนนี้กระผม/อาตมภาพหยิ่งมาก ไม่ยอมคุกเข่าให้ใคร..!

แต่เมื่อคุกเข่าไปโดยที่ลืมตัว ทำให้รู้สึกว่าเราสามารถที่จะกราบพระในท่าคุกเข่าปกติได้แล้ว ไม่เช่นนั้นก็ต้องนั่งพับเพียบแล้วยื่นเท้าขวาที่เจ็บออกไปข้างหน้ามากหน่อย แล้วถึงจะกราบพระแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ใช่กราบแบบพับเพียบทั่วไป จะออกในท่าที่แปลกอยู่สักนิดหนึ่ง หรือไม่ก็นั่งคุกเข่าแล้วก็ไขว้เท้าขวาไว้บนส้นเท้าซ้าย เพื่อที่จะไม่ให้หัวแม่เท้ากระทบพื้น แล้วค่อยกราบ ซึ่งก็เป็นท่าที่ประหลาดอยู่ดี แต่สรุปรวมความว่า ความพลั้งเผลอในครั้งนี้ ทำให้ตนเองรู้ตัวรู้ตัวว่า บาดแผลนั้นมีพัฒนาการไปในทางที่ดีมาก

โดยเฉพาะพรรคพวกเพื่อนฝูงที่อายุกาลผ่านวัยมาใกล้เคียงกัน ตลอดจนกระทั่งผู้บังคับบัญชาที่อายุใกล้เคียงกันปรารภว่า "หลวงพ่อวัดท่าขนุนโชคดีมากที่ไม่เป็นเบาหวาน ไม่อย่างนั้นได้ตัดนิ้วหัวแม่เท้าทิ้งตามเล็บไปด้วยอย่างแน่นอน..!"

ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพคิดว่าไม่ใช่โชคดี แต่ด้วยความที่ตนเองนั้นเป็นเด็กบ้านนอก ตั้งแต่เกิดมาก็แทบจะหาโอกาสที่ได้กินขนมเหมือนเด็กอื่นยากมาก ขนมนั้นจะมาตามเทศกาลเท่านั้น ก็คือจะต้องมีงานบุญ งานประเพณี ถึงจะมีโอกาสได้กินขนม

ไม่เช่นนั้นแล้วก็ได้แต่หาบรรดาข้าวของที่พอจะหยิบจะเก็บได้ในไร่ในสวน ในหัวไร่ชายนาหรือตามป่าตามเขามากินแทนขนม ไม่ว่าจะเป็นลูกเล็บเหยี่ยว ลูกหว้า ลูกไข่เน่า หรือว่าบรรดาผลไม้ในสวนอย่างเช่นกล้วย มะม่วง ซึ่งก็จะมีเฉพาะฤดูกาลเท่านั้น ไม่เหมือนสมัยนี้ที่สามารถมีได้ตลอดทั้งปี

ก็คือกินบรรดาผลไม้เป็นหลัก จนกระทั่งไม่เคยชินกับขนม ทำให้ถึงเวลาแล้ว การที่ได้กินขนมลงไปกลับทำให้เกิดความดันขึ้นมา มีอาการปวดหัวให้รู้สึกได้เลย พร้อมกับอีกประการหนึ่งก็คือ การที่ฝึกกรรมฐานมา ทำให้มีความรู้สึกที่ไวต่ออาการของร่างกายมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2022 เมื่อ 01:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา