ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 15-09-2022, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,755 ครั้ง ใน 34,034 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็เป็นประธานในการทำบุญถวายบูรพาจารย์วัดท่าขนุน ซึ่งความจริงวัดท่าขนุนนั้นน่าจะมีประวัติที่ยาวนานมาแล้ว แต่ว่าเพิ่งจะมาปรากฏชัดในปี ๒๔๗๒

ที่มั่นใจว่ามีประวัติยาวนานกว่านั้น ก็เพราะว่าเมืองท่าขนุนนั้น เป็นเมืองหน้าด่านมาตั้งแต่ตอนปลายกรุงศรีอยุธยา ในเมื่อเป็นชุมชน ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมของคนไทย คนพม่า คนมอญ คนกะเหรี่ยง มีหมู่บ้านที่ไหนก็ต้องสร้างวัดที่นั่น จึงทำให้มั่นใจว่าวัดท่าขนุนนั้น ต้องมีมาพร้อมกับเมืองท่าขนุนในตั้งแต่ต้น

เพียงแต่ว่ามาปรากฏหลักฐานชัดเจนในปี ๒๔๗๒ ที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรประพันธรำไพ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภา พระราชธิดาทั้ง ๒ พระองค์ในสมเด็จพระปิยมหาราช ในหลวงรัชกาลที่ ๕ กับเจ้าจอมมารดาอ่อน ซึ่งทั้ง ๒ พระองค์นี้มีพระอุปนิสัยชอบในการเดินป่าเดินเขาเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อได้มาประพาสป่าทองผาภูมิแล้วติดใจ จึงได้เดินทางมาซ้ำอีก พร้อมกับได้ขอพระราชทานพระพุทธรูปรัชกาล หน้าตักประมาณ ๑ ศอก ๒ องค์ และธรรมาสน์ทรงบุษบกฝีมือช่างหลวง ที่สามารถถอดประกอบได้ นำลงเรือมาถวายหลวงปู่พุก อุตฺตมปาโล เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนในช่วงนั้น จึงทำให้ปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนขึ้นมา ชาวบ้านทั้งหลายจึงระบุลงไปว่า หลวงปู่พุกเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนรูปที่ ๑

ถัดมาเมื่อหลวงปู่พุกล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว ชาวบ้านก็ได้นิมนต์หลวงปู่เต๊อะเน็ง โอภาโส พระกะเหรี่ยงนอก คือเป็นพระกะเหรี่ยงที่มาจากประเทศพม่า มาช่วยดูแลรักษาวัดอยู่ ๕ ปี แล้วหลวงปู่เต๊อะเน็งก็ได้ธุดงค์กลับพม่าไป ไม่ได้ย้อนกลับมาอีกเลย ทำให้วัดท่าขนุนชำรุดทรุดโทรมลง

จนกระทั่งปีพ.ศ. ๒๔๙๕ หลวงปู่สาย อคฺควํโส ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่หลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ ได้เมตตาถ่ายทอดวิชาการต่าง ๆ ให้ ได้เดินทางธุดงค์มาทางด้านนี้ เพื่อที่จะข้ามไปแสวงบุญยังประเทศพม่า

เมื่อเห็นสถานที่สงบสงัด เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม หลวงปู่สายจึงได้ปักกลดอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดร้างท่าขนุน ชาวบ้านทั้งหลายในยุคนั้น นำโดยนายบุญธรรม นกเล็ก ก็ได้เข้ามาอาราธนาหลวงปู่สายให้เป็นเจ้าอาวาส แต่ว่าหลวงปู่ท่านก็ไม่ได้รับปาก เมื่อธุดงค์ข้ามไปพม่า จนกระทั่งปี ๒๔๙๖ ท่านค่อยกลับมาปักกลดบริเวณนั้นอีกวาระหนึ่ง ชาวบ้านท่าขนุนจึงได้นิมนต์ซ้ำ

หลวงปู่สายกล่าวว่าครูบาอาจารย์ของท่าน คือหลวงปู่น้อย เตชปุญฺฺโญ (พระครูนิพันธ์ธรรมคุต) เจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์ ยังมีชีวิตอยู่ ต้องไปกราบขออนุญาตให้ครูบาอาจารย์ท่านเอ่ยปากอนุญาต ท่านถึงจะกล้ามาเป็นเจ้าอาวาสให้ที่นี่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2022 เมื่อ 01:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา