ในด้านของจิตใจก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อเราต้องการที่จะฟันฝ่ากองกิเลสพ้นไปให้ได้ เราก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทุ่มเทกำลังใจให้มากกว่าเดิม ถ้าหากว่ากำลังใจของท่านสามารถทุ่มเทได้ชนิดที่ไม่เห็นแก่ชีวิต พร้อมที่จะเอาชีวิตเข้าแลก ท่านก็สามารถที่จะทะลุข้อจำกัดของร่างกายและจิตใจไปได้ ก็แปลว่าท่านจะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้น สภาพร่างกายและจิตใจมีความอดทนอดกลั้นต่อความยากลำบากยิ่งขึ้น ทำให้โอกาสที่เราจะเข้าถึงมรรคถึงผลมีมากขึ้นไปด้วย
เหมือนอย่างกับคนสองคนชกมวยกันอยู่ ต่างคนต่างก็หมดแรงแล้ว แต่ว่าอีกคนหนึ่งยังคงกัดฟันเดินหน้าอย่างชนิดที่ไม่คิดจะถอยหลัง ก็ย่อมทำให้คู่ต่อสู้ที่หมดแรงเช่นกัน คิดว่าอีกคนยังมีกำลังเหลืออยู่ ถ้าไม่ใช่ว่าต้องถอยร่นไป ก็อาจจะถึงขนาดจะถอดใจพ่ายแพ้ไปได้เลย
เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพมีตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือตนเองกับพระครูแสง (ท่านพระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล) เนื่องจากว่าเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา จึงทำให้ทำอะไรหลายอย่างใกล้เคียงกันหมด แต่ว่าเมื่อมาถึงในช่วงที่กระผม/อาตมภาพทุ่มเทให้กับการฝึกกรรมฐานแบบเอาเป็นเอาตาย พระครูแสงท่านกลับไปเพาะกาย มีการกินนมทีละ ๒ ลิตร กินไข่ทีละ ๑๒ ฟอง เป็นต้น ทำให้ท่านมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่ากระผม/อาตมภาพเกือบครึ่งหนึ่ง..!
แต่พอถึงเวลาลงนวมซ้อมมวยด้วยกันทีไร แม้ว่ากระผม/อาตมภาพโดนเจ็บแค่ไหน แต่ว่ากัดฟันเดินใส่อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งท้ายที่สุด พระครูแสงก็ต้องบอกว่า "ไม่เอาแล้ว ยอมแล้ว" ในลักษณะอย่างนี้นั้น ถ้าหากว่าอีกฝ่ายหนึ่งเหวี่ยงมาอีกสักหมัดสองหมัด กระผม/อาตมภาพเองนั่นแหละที่จะแพ้ เพราะว่าอีกฝ่ายหนึ่งร่างกายใหญ่โตกว่า แข็งแรงกว่า ฮุกมาทีกระผม/อาตมภาพถึงขนาดลอยทั้งตัว เพียงแต่เดินใส่แบบไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย จึงทำให้พระครูแสงต้องถอดใจยอมแพ้ไปเอง
เรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน เราจะฝ่าทะลุขีดจำกัดของตนเอง ก้าวขึ้นไปสู่ในระดับที่สูงกว่าได้ ก็ต้องฝืนร่างกายและจิตใจ ทุ่มเทให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วกิเลสที่มีมายามากก็จะบอกว่า "ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว" เราก็จะไปเชื่อกิเลสเสียทุกที
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2023 เมื่อ 01:58
|