ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 14-11-2022, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มาวันนี้กระผม/อาตมภาพโดนท่านทักท้วงว่า "หลวงพ่อน่าจะเก็บเอาไว้ฉันเองบ้าง" กระผม/อาตมภาพบอกกับท่านว่า "สิ่งหนึ่งประการใดที่ได้มา ผมไม่นิยมในการเก็บเอาไว้ใช้สอยหรือว่าบริโภคแต่เพียงผู้เดียว"

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ครูบาอาจารย์คือหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้น ท่านสั่งสอนเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่บวชว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้มา ให้คิดเสมอว่าเป็นสังฆทาน เพราะว่าพวกท่านทั้งหลายจำนวนมากที่ไม่มีความคล่องตัวในเจโตปริยญาณ ท่านก็จะไม่รู้ว่า ผู้ถวายนั้นอธิษฐานไว้ว่าเป็นสังฆทานหรือเปล่า ? จึงควรที่จะประกันความเสี่ยงด้วยการตั้งความคิดเอาไว้แต่แรกว่า เขาถวายเป็นสังฆทาน แล้วอย่างน้อย
เราก็ต้องนำไปแจกจ่ายให้พระภิกษุสงฆ์อื่น ๔ รูปขึ้นไป

ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าไม่ใช่ปาฏิปุคคลิกทาน คือการถวายเฉพาะตน แล้วเราไปกินไปใช้อยู่คนเดียว ก็จะเกิดโทษใหญ่แก่เราได้ ต่อให้เขาตั้งใจถวายจำเพาะเจาะจงตัวของเรา ก็อย่าได้คิดว่าเป็นของส่วนตัว เพราะว่าเราได้มาเนื่องจากครองเพศสมณะ ก็คือห่มผ้ากาสาวพัสตร์ อธิษฐานถือเพศนักบวชของตนอยู่ ไม่ใช่ได้มาเพราะว่าเสน่หาทั่วไปแบบชีวิตฆราวาส จึงต้องคิดอยู่เสมอว่า แม้เขาถวายเป็นส่วนตัว เราก็จะยึดเป็นสมบัติส่วนตัวไม่ได้"


ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง กระผม/อาตมภาพจึงถนัดและเคยชินในการแบ่งปัน จนกระทั่งไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ว่าบางท่านก็ยังคิดอยู่ว่า "ในเมื่อถวายครูบาอาจารย์เป็นการแสดงกตัญญูกตเวทิตา แต่ว่าครูบาอาจารย์กลับเอาไปให้คนอื่นจนหมด"

ในส่วนนี้จะว่าไปแล้ว ก็ยังเป็นการวางกำลังใจที่ผิด ก็คือยังขาดอุเบกขาในจาคานุสติและทานบารมี ถ้าหากว่าท่านที่วางอุเบกขาเป็น ถวายไปแล้วก็แล้วกัน จะไม่ตามไปตรวจสอบว่าผู้ที่ได้รับไปนั้น ได้กิน ได้ใช้สิ่งของเราหรือเปล่า ถ้ายังติดตามตรวจสอบอยู่ แปลว่ากำลังใจของท่านยังเข้าไม่ถึงอุเบกขาในจาคานุสติและทานบารมี

ดังนั้น..ไม่ว่าสิ่งที่ญาติโยมถวายมา โดยกระผม/อาตมภาพรับต่อหน้าก็ดี หรือว่าที่ท่านทั้งหลายส่งทางไปรษณีย์ไปยังวัดท่าขนุนก็ตาม กระผม/อาตมภาพไม่เคยเก็บเอาไว้เป็นส่วนตัวเลย หากแต่ว่าจะนำเข้ากองกลางเสมอ สิ่งใดที่ไม่เกินกำลังก็แจกจ่ายด้วยตนเอง สิ่งใดที่เกินกำลังก็มอบหมายให้เลขานุการวัดท่าขนุนบ้าง ฆราวาสซึ่งทำหน้าที่และได้รับความไว้วางใจจากกระผม/อาตมภาพบ้าง นำไปเข้ากองกลาง หรือว่าช่วยแจกจ่ายให้แก่พระภิกษุสามเณร

โดยเฉพาะวัดของเรานั้น มีการแจกจ่ายอยู่เดือนละ ๒ ครั้ง จนกระทั่งทางพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และฆราวาสได้บอกกล่าวกันในลักษณะขำ ๆ ว่า "วันเงินเดือนออก" บ้าง "วันเปิดร้านสะดวกซื้อ" บ้าง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทางวัดท่าขนุนของเรานั้น ได้ดำเนินตามรอยของครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัด สิ่งหนึ่งประการใดที่ได้รับคำสั่งสอนมา ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติกันตลอดชีวิต ไม่ใช่ว่าทำไปครั้งสองครั้งแล้วก็เลิก ถ้าเป็นไปในลักษณะเช่นนั้น แปลว่า กำลังใจของท่านยังขาดความมุ่งมั่นต่อหน้าที่การงาน ขาดความมุ่งมั่นในการที่จะประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านก็ไม่ใช่บุคคลที่ควรแก่การบรรลุมรรคผลเลย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2022 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา