ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 20-07-2009, 07:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,614
ได้ให้อนุโมทนา: 151,817
ได้รับอนุโมทนา 4,413,171 ครั้ง ใน 34,204 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๒

วันนี้มีคนหนึ่งมาถามว่า ทำกรรมฐานมาสิบกว่าปีแล้วไม่ได้อะไรเลย เป็นเพราะอะไร ? ก็บอกว่าเป็นเพราะไม่สามารถกำหนดใจให้อยู่กับคำภาวนาของตัวเอง ให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกได้

โยมอีกท่านก็ถามว่า ถ้าจะเป็นพระอริยเจ้า ต้องได้ฌานสี่หรือไม่ ? ถ้าเป็นพระอริยเจ้าขั้นต้นไม่ต้อง กำลังปฐมฌานเพียงพอที่จะตัดกิเลสในความเป็นพระโสดาบันและพระสกิทาคามีแล้ว แต่ถ้าต้องการจะเป็นพระอนาคามีขึ้นไป จำเป็นต้องได้ฌานสี่ เพราะถ้าไม่ได้กำลังในการตัดกิเลสก็จะไม่มี

ถามต่อไปว่าทำอย่างไรฌานสี่จึงจะคล่องตัว ? วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือใช้มโนมยิทธิ ซ้อมบ่อย ๆ การใช้มโนมยิทธิของเราถ้ากำหนดรู้ได้จะเป็นอุปจารสมาธิ แต่ถ้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ จะเป็นกำลังของฌานสี่ ใช้ให้เคยชินและซักซ้อมความคล่องตัว เราจะได้มีกำลังเพียงพอในการตัดกิเลสได้

ดังนั้น..ลมหายใจเข้าออกของเราถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการปฏิบัติ ถ้าเราปล่อยอารมณ์ให้เป็นปกติ มันไม่ฟุ้งซ่านไปในอดีต มันก็จะฟุ้งซ่านไปในอนาคต ฟุ้งซ่านไปในอดีตก็อาจจะเสียดาย ห่วงหาอาลัยอยู่กับมัน ฟุ้งซ่านไปในอนาคตส่วนใหญ่ก็อยากเป็นนั่น อยากได้นี่ ถ้าเราสามารถหยุดกำลังใจอยู่กับลมหายใจเข้าออก เท่ากับว่าเราหยุดอยู่กับปัจจุบัน ถ้าเราหยุดอยู่กับปัจจุบันความฟุ้งต่าง ๆ จะน้อยลงอย่างมาก เหลือเพียงความทุกข์ที่เกิดจากขันธ์ ๕ เท่านั้น

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องรักษาลมหายใจเข้าออกของเราให้ทรงตัวอยู่เสมอ เมื่อลมหายใจเข้าออกทรงตัวแล้วจงอย่าลืมแผ่เมตตา โดยกำหนดใจ ให้มีความรัก ความเมตตา ความหวังดีต่อสรรพสัตว์ถ้วนหน้า ขอให้เขาพ้นจากความทุกข์ ขอให้เขามีแต่ความสุข เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องกระทำเป็นประจำอยู่แล้ว

ถามว่าต้องแผ่เมตตาวันละกี่รอบ ? ก็จะเอาคำตอบของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ ครูบาอาจารย์ใหญ่ของพระป่าสายอีสาน หลวงปู่มั่นกล่าวว่าสำหรับองค์ท่านเองแล้ว แผ่เมตตาใหญ่วันละสามครั้ง แล้วแผ่เมตตาอีกเล็ก ๆ น้อย ๆ นับครั้งไม่ถ้วน บุคคลที่มีจิตเมตตาย่อมรัก ย่อมสงสารในสรรพสัตว์ทั้งปวง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะไม่ละเมิดศีล เพราะว่าการละเมิดศีลเป็นการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น เมื่อเรามีความรักความเมตตาสงสารต่อคนอื่น ต่อสัตว์ เราก็จะกลายเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์โดยอัตโนมัติ

การปฏิบัติโดยนึกถึงลมหายใจเข้าออกของเรานั้น ถ้าหากว่าใช้คำภาวนาควบไปด้วยก็จะดี เพื่อเป็นการเพิ่มงานให้กับจิต หรือกำหนดรู้ภาพพระเพิ่มเข้าไปด้วย เมื่อจิตมีงานหลายอย่างที่ต้องระมัดระวัง ที่ต้องกระทำ ก็จะทำให้จิตไปสู่อารมณ์อื่นได้ยาก ดังนั้น..สำหรับพวกเราทั้งหมด ขอให้คิดว่าการกำหนดรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก การแผ่เมตตา เป็นสิ่งที่ต้องทำให้เป็นปกติ เพื่ออันดับแรก ความอยู่สุขอยู่เย็นของเราเอง อันดับต่อไป บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่เห็นตัวและไม่เห็นตัว เมื่อได้รับกระแสใจอันสุขเย็นของเรา ก็จะเกิดความหวังดี ปรารถนาดีกับเราโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะบรรดาเทวดาต่าง ๆ จะตามคุ้มครองรักษา ตามสภาพจิตของเรา สภาพจิตยิ่งมีความผ่องใสมากเท่าไหร่ ก็จะมีเทวดารักษามากขึ้นไปเรื่อย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-12-2009 เมื่อ 13:25
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา